อดีตผอ.โรงเรียนกมลาไสยยันจ่ายหนี้ให้ผู้รับเหมาตลอด
กาฬสินธุ์-อดีตผอ.โรงเรียนกมลาไสยท้าให้ตรวจสอบยันไม่มีทุจริตใช้เงินปรับปรุงสถานศึกษาในแผนงบประมาณและไม่เคยเบี้ยวหนี้ผู้รับเหมาจ่ายค่าจ้างตลอด
กาฬสินธุ์-อดีตผอ.โรงเรียนกมลาไสยท้าให้ตรวจสอบยันไม่มีทุจริตใช้เงินปรับปรุงสถานศึกษาในแผนงบประมาณและไม่เคยเบี้ยวหนี้ผู้รับเหมาจ่ายค่าจ้างตลอด
นายสุรปรีชา ลาภบุญเรือง อดีตผอ.โรงเรียนกมลาไสย ซึ่งถูกนางวิจิตรา บุญรัตน์ หรือยายแก้ว อายุ 51 ปี ผู้รับเหมานำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ มีข้อความคล้ายถูกทวงหนี้จำนวน5.2ล้านบาทไปติดไว้บนสะพานลอยใจกลางเมืองกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่าได้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงเรียนกมลาไสยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.57 ซึ่งก่อนหน้าที่ะย้ายมาโรงเรียนมีหนี้ผูกพันบางส่วนมาก่อนแล้ว แต่ตามสปิริตและภาระหน้าที่ของผู้อำนวยการก็จะต้องดำเนินการบริหารงานพัฒนาโรงเรียนอย่างเต็มความสามารถ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนกมลไสยประมาณ 2 ปีได้พัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้โรงเรียนน่าอยู่ เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน การดำเนินงานโครงการต่างๆมีการบรรจุอยู่ในแผนงบประมาณ แต่หากโครงการใดวงเงินเกินก็จะใช้งบบริหารหรืองบเร่งด่วนที่ทางโรงเรียนจัดสรรไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ไปช่วย และได้รับความเห็นชอบจากคณะผู้บริหาร ครู และคณะกรรมการสถานศึกษาทุกโครงการช่วงดังกล่าวได้มีการจ่ายค่าจ้างให้กับผู้รับเหมา รวมทั้งร้านค้าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆและค่าเช่าคอมพิวเตอร์มาโดยตลอด เฉลี่ยปีละ 4-6 ล้านบาทไม่เคยมีปัญหาการของการทวงหนี้ แต่การจ่ายเงินค่าจ้างจะเป็นการจ่ายแบบงานที่ค้างเก่า เพราะการดำเนินการของโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะนี้ผูกพัน
ทั้งนี้ ระหว่างที่เป็นผอ.โรงเรียนกมลาไสยได้ว่าจ้างผู้รับเหมารายนี้จริง แต่ได้จ่ายเงินให้เป็นค่าก่อสร้างทุกปีเฉลี่ยประมาณ 5-7 แสนบาท รวมทั้งผู้รับเหมารายอื่นๆด้วย
ซึ่งไม่เคยมีปัญหา แต่หลังจากที่ย้ายออกไปในช่วงเดือนพ.ย.59 ซึ่งเป็นช่วงภาคเรียนที่ 2 ก็ไม่ทราบว่าผู้บริหารชุดใหม่ดำเนินการอย่างไร เพราะหมดอำนาจหน้าที่ในโรงเรียนแล้ว กระทั่งมาทราบล่าสุดว่ามีผู้รับเหมาเข้าไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมและไปติดป้ายทวงหนี้ดังกล่าว
“ผมยืนยันว่าโครงการต่างๆที่ทำลงไปนั้นต้องการพัฒนาปรับปรุงสถานศึกษาให้น่าอยู่ น่าเรียน ซึ่งหลังจากย้ายมาวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างก็ไม่ได้ถือติดไม้ติดมือมาด้วย อยู่ที่โรงเรียนทั้งหมด และเงินทุกบาททุกสตางค์ก็ไม่ได้นำมาใช้สร้างบ้านส่วนตัวผม อีกทั้งทุกโครงการก็มีการนำเข้าแผน และได้รับการเห็นชอบจากหลายฝ่าย การก่อสร้างหรือจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก็ทำตามระเบียบ ไม่มีการทุจริตสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งได้จ่ายเงินไม่เคยเบี้ยวใคร และหลวงไม่ได้เสียหายอีกด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้สังคมมองว่าผมเบี้ยวหนี้ ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะจ่ายตลอด ส่วนระยะหลังมา 2-3 ปีนี้ผมไม่ทราบการบริหารงาน”นายสุรปรีชา กล่าว


