เบิ่งชุมชนนวัตวิถีขอนแก่น ชิมข้าวไร่-ไก่ย่างมดแดง ‘บ้านวังหว้า’
โดย: จักรพันธ์ นาทันริ
โดย: จักรพันธ์ นาทันริ
แต่ละชุมชนล้วนมีวิถีความเป็นมา สั่งสมความรู้ ภูมิปัญญา พัฒนาวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม สืบทอดกันมาหลายชั่วคน ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจ
จุดแข็งดังกล่าวของชุมชน จึงเป็นที่มาของโครงการหมู่บ้านชุมชนท่องเที่ยวโอท็อปนวัตวิถี โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และที่บ้านวังหว้า หมู่ 8 ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ก็เป็น 1 ใน 114 หมู่บ้านของ จ.ขอนแก่น ที่ได้รับการคัดเลือก
อัมพร สุดดี นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ อ.บ้านแฮด บอกว่า บ้านวังหว้าเป็นชุมชนที่มีความพร้อม มีความเข้มแข็ง และชาวบ้านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยดึงเอาจุดเด่นและของดีที่มีอยู่ในชุมชนนั้นมาถ่ายทอดเรื่องราว จนกลายมาเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ทุกคนนั้นสามารถมาสัมผัสถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนได้
“หมู่บ้านแห่งนี้จะอยู่บนเนินเขาและมีปัญหาเรื่องน้ำสำหรับภาคการเกษตร แต่คนในชุมชนก็ทำการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการทำข้าวไร่ ซึ่งถือเป็นชุมชนที่มีพื้นที่ปลูกข้าวไร่มากที่สุดในภาคอีสาน โดยเฉพาะข้าวไร่พันธุ์ซิวแม่จันทร์ และพันธุ์ขาวแม่ซิว ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดที่มียอดในการสั่งซื้อแต่ละปีอย่างมาก อีกทั้งในเดือน ก.ค.-ส.ค.ทุกปี พื้นที่ชุมชนแห่งนี้ทุกตารางนิ้วจะเต็มไปด้วยทุ่งข้าวไร่ ที่ถือเป็นจุดบันทึกภาพที่สวยงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมทุ่งข้าวไร่หลายพันไร่ที่เหลืองอร่ามไปทั่วทั้งบริเวณ”
นอกจากข้าวไร่ที่ขึ้นชื่อแล้ว อัมพร บอกว่า บ้านวังหว้ายังมีไก่ย่างสูตรเด็ดซึ่งไม่มีที่ใดเหมือนอีกด้วย โดยการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชนบ้านแฮดกับสำนักงานพัฒนาชุมชน คือการส่งเสริมการเลี้ยงไก่พื้นเมือง ซึ่งเมื่อชุมชนได้ร่วมกันทำแล้วยังคงได้ร่วมกันคิด ร่วมกันต่อยอดผลผลิตจนกลายมาเป็นเมนูขึ้นชื่อคือ “ไก่ย่างมดแดง” ซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยากมาก แต่ชุมชนแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมผ่านรสชาติ ผ่านความพิถีพิถันที่เป็นเมนูยอดฮิตที่อยากให้ทุกคนนั้นได้มาชิมกันเลยทีเดียว
เมนูไก่ย่างมดแดงนั้นเริ่มจากการคัดไก่พื้นเมืองหรือไก่บ้าน ตัวขนาดประมาณ 1.5 กิโลกรัม ชำแหละ ตัดหัว เครื่องในและหางออก จากนั้นผ่าตัวไก่หมักด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
กระเทียม กระชาย ผักชี และเครื่องปรุงรส โดยทำการหมักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องเทศและเครื่องปรุงนั้นเข้าเนื้อ จากนั้นจะถึงขั้นตอนสำคัญคือการหมักมดแดง โดยนำไก่ทั้งตัวที่ผ่านการหมักด้วยส่วนผสมนั้นนำไปหมักหรือแช่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่านำไปซุกกับมดแดงทั้งรัง เพื่อให้มดแดงนั้นได้กัดเนื้อไก่จนเกิดความนุ่ม ละมุนลิ้น และที่สำคัญเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย
“มดแดงคือยาบำรุงร่างกาย ยาบำรุงกำลังชั้นดีของคนเฒ่าคนแก่ ที่ผ่านมาได้ถูกนำมาเป็นยา ถูกนำมาเป็นส่วนผสมของอาหารหลายอย่าง วันนี้ชุมชนได้นำเอามดแดงมาเป็นส่วนผสมของไก่ย่าง ซึ่งให้ดีต้องนำไก่ที่หมักไว้แล้วนั้นนำมาซุกหรือนำมาหมักกับมดแดงในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของทุกวัน เพื่อให้มดแดงนั้นได้แทะ ได้กัด หรือฉี่ลงใส่ในตัวไก่ จนเกิดความนุ่ม ความหอม โดยในช่วงของการซุกมดแดงหรือหมักมดแดงนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง”
หลังจากหมักมดแดงครบตามกำหนดแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการย่างไก่ โดยจะนำไก่มาย่างด้วยถ่านไม้จนสุก ซึ่งไก่ย่างมดแดงก็จะมีความหอม ความหวาน และมีมดแดงติดมากับไก่ย่างด้วย ถือเป็นจุดเด่นและเสน่ห์ให้กับอาหารประจำถิ่นของชุมชนบ้านวังหว้าอย่างมาก
อัมพร บอกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินทางมาสัมผัสถึงวิถีชุมชนแห่งนี้ ได้กำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวออกเป็น 2 เส้นทางสำคัญ ทั้งการกราบขอพรหลวงปู่จันทร์ดี เกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของคนขอนแก่น การร่วมกิจกรรมการสานเปล การทำข้าวต้มมัดจากข้าวไร่ หรือการชมสวนป่าที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่จัดทำขึ้นที่นี่เพียงที่เดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นักท่องเที่ยวทุกคนนั้นสามารถที่จะเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามทางธรรมชาติ ชมเสน่ห์ของชุมชน ชิมอาหารประจำถิ่นขึ้นชื่อ ที่สามารถมาเที่ยวชมได้แล้วในทุกวัน
คำตัน ชงคะรักษ์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านวังหว้า บอกว่า นอกจากเส้นทางท่องเที่ยวชมวิถีชีวิตและชิมรสชาติข้าวไร่ พร้อมไก่ย่างมดแดงแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์สินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีอยู่กว่า 10 รายการ มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้มาเยือนอีกด้วย


