หนุนเงินช่วยเด็กเล็ก 0-6 ปี สร้างอนาคตคนไทย

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

เครือข่ายขับเคลื่อนสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า 109 องค์กร จัดเสวนาเรื่อง นโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็ก 0-6 ปี แบบถ้วนหน้า จุดเริ่มต้นของสวัสดิการสังคมทั้งระบบ ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ปัจจุบันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี ให้ครัวเรือนยากจนเดือนละ 600 บาท และมีแนวโน้มจะขยายเงินอุดหนุนให้ถึงเด็กอายุ 6 ปี

สุนี ไชยรส วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า การพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมถือเป็นเรื่องที่ต้องย้อนกลับมาคิดถึงเด็กเล็ก เพราะเป็นการลงทุนในความเป็นมนุษย์นั้นคุ้มค่าอย่างมาก อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่ามีคนตกหล่นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีปัญหาด้านการคัดกรองรายได้ แบ่งแยกคนจนซึ่งในต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่ายิ่งมีระบบคัดกรองซับซ้อนยิ่งทำให้เกิดปัญหาเด็กตกหล่นจำนวนมาก ดังนั้นรัฐต้องสนับสนุนเด็กตั้งแต่ 0-6 ปี ควรได้รับเงินอุดหนุนทั้งหมดไม่ว่าจะยากดีมีจน

การให้เงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า เป็นการคุ้มครองเด็กเล็กทุกคนถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อการสร้างอนาคตของชาติ ทั้งยังช่วยแก้ความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาการตีตราคนจน ส่วนจะนำเงินจากไหนมาใช้ในระบบสวัสดิการเด็กนั้น จากงานวิจัยของทีดีอาร์ไอสรุปได้ว่าเรื่องของงบประมาณไม่มีปัญหา ถือว่าใช้งบไม่มาก หากภายใน 6 ปี ประเทศไทยสามารถให้เงินอุดหนุนกับเด็กเล็กได้ถ้วนหน้า เมื่อเทียบกับจีดีพี ในปีงบประมาณ 2562 จะมีเด็กได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 1.2 ล้านคน ใช้งบประมาณ 8,909 ล้านบาท ทั้งยังไม่สิ้นเปลืองไปกับงบประมาณ ให้
เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คัดกรอง

นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวว่า จากการทำเวทีประชาวิจารณ์พบว่าเรื่องสวัสดิการถ้วนหน้าต้องไม่ใช่แก้ปัญหาความยากจนอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของเด็กที่เป็นอนาคตให้กับประเทศ สร้างแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศ

ทั้งนี้ เหตุที่ต้องมีเงินอุดหนุนเด็กเล็ก ก็เนื่องจากการลงทุนช่วงปฐมวัยมีพัฒนาการด้านภาษา ตัวเลข สังคม และอารมณ์มากที่สุด ในปัจจุบันเด็กไทยยังมีปัญหาในครอบครัว ความยากจน ปัญหาแคระแกร็น โรคอ้วน ซึ่งพบว่าน้ำหนักตัวของเด็กมีผลต่อสติปัญญา

ดังนั้น พรรคการเมืองควรมีนโยบายสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคมครอบครัวในการดูแลเด็กเล็กทั้งในสถานรับเลี้ยงเด็กและนอกเวลา จึงต้องมีนโยบายอบรมพัฒนาฝีมือพี่เลี้ยงเด็ก รวมถึงควรมีงานวิจัยทดลองระบบสถานรับเลี้ยงเด็กว่าได้ผลเป็นอย่างไรด้วย เพราะการลงทุนกับอนาคตของชาติและคนไทย ที่สำคัญกว่าการทุ่มเงินสวัสดิการคนจนในวันนี้

เดชรัตน์ สุขกำเนิด อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า รายได้ของคนไทยส่วนใหญ่อยู่ในระดับน้อย โดยเด็กที่เกิดจากครอบครัวยากจนมักมีปัญหาด้านโภชนาการ และไม่ค่อยได้รับโอกาสมีเวลาเรียนรู้ศึกษาอยู่กับพ่อแม่มากนัก

เด็กที่อยู่กับครอบครัวยากจนมีหนังสือให้อ่านเพียง 3 เล่ม ดังนั้นเงินจำนวน 600 บาท จะเข้ามาช่วยให้หนังสือในครัวเรือนเพิ่มจำนวนได้อีกด้วย แม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้เด้กเข้าถึงการศึกษาปฐมวัย แต่ปรากฏว่าเมื่อผ่านขึ้นมาถึงระดับมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย โอกาสเข้าถึงการศึกษาน้อยลงตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมและสถาบันวิชาการ 109 องค์กร เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สนับสนุนนโยบายการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้าอย่างน้อย 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการลงทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่คุ้มค่า ทำให้ครอบครัวเข้าถึงบริการสุขภาพและสังคม อีกทั้งแม่ในครอบครัวได้รับเงินมีอำนาจตัดสินใจด้านการใช้จ่าย

ขณะที่มุมมองจากพรรคการเมืองเป็นไปในทิศทางให้การสนับสนุนการพัฒนาเด็กเป็นสำคัญ โดย เพชรชมพู กิจบูรณะ โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวว่า การสนับสนุนเด็กเล็กโดยให้เงิน 600 บาทนั้น เป็นการเพิ่มศักดิ์ศรีของครอบครัว อย่างไรก็ตามการลงทุนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เช่น ให้สิทธิการลาคลอดกับคุณแม่ ก็ต้องให้สิทธิลากับคุณพ่อด้วย ควรเป็นภาระร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องของผู้เป็นแม่อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนสถานที่ทำงาน ควรมีพื้นที่รับเลี้ยงเด็กได้ด้วย

วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ คณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเห็นด้วยกับการมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่แบ่งว่าเด็ก คนชรา และต้องมองไปไกลกว่านั้นคือ 0-6 ปี เป็น 0-8 ปี มากกว่า และควรเป็น 1,000 บาท จะครอบคลุมเรื่องค่าอาหารมากกว่า 600 บาท เพราะในต่างประเทศเขาจ่ายให้เด็กมากกว่า 1,000 บาท