posttoday

ซ้ำรอยพินัยกรรมสังหาร มรดกเลือดพันล้าน “ชายชีวินลิขิต”

17 ตุลาคม 2553

ก่อนจะรุ่งสางเพียงไม่นาน กลางเมืองขอนแก่นระเบิดและอาวุธสงครามแข่งกันแผดเสียงกัมปนาทยกใหญ่เรื่อง...ธนก บังผล

ก่อนจะรุ่งสางเพียงไม่นาน กลางเมืองขอนแก่นระเบิดและอาวุธสงครามแข่งกันแผดเสียงกัมปนาทยกใหญ่
เรื่อง...ธนก บังผล

ที่เกิดเหตุคือบ้านเลขที่ 148/45 หมู่ 2 หมู่บ้านกันยารัตน์ ถนนรอบบึงแก่นนคร เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลังเสียงคำรามนั้นสงบลง ภายในบ้านบริเวณบันไดทางเข้าตัวบ้านทิศตะวันตก ผนัง เพดาน หน้าต่าง และเสาหน้าบ้านถูกสะเก็ดระเบิดแตกเสียหายหลายจุด

ส่วนรถยนต์ 4 คัน ประกอบด้วยอีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู,เบนซ์ c200 ,โฟล์ค ป้ายแดง และรถตู้เบนซ์ ถูกสะเก็ดระเบิดและกระสุนปืนจนพรุน

โชคยังดีที่แม่บ้านทั้ง 4 คนซึ่งนอนหลับอยู่นั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าของบ้านเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศจีน รอดไปอย่างหวุดหวิด
ที่เป็นประเด็นขึ้นมาเพราะว่า บ้านหลังนั้นเป็นของ “นาวิน ชายชีวินลิขิต” ทายาทคนโตของ “ชีวิน ชายชีวินลิขิต” อดีตประธานกรรมการบริษัทชีวินชุมแพอีซูซุ เศรษฐีผู้ร่ำรวยมาจากการทำธุรกิจค้ารถยนต์ โรงแรม ที่ดิน และสถานบันเทิง "ชองเอลิเซ่” ในกรุงเทพฯ อันลือเลื่อง

ตำรวจดูจากแรงระเบิด ทิศทางของสะเก็ดที่กระจายไปในแนวราบและด้านบน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระเบิดลูกเกลี้ยงแบบขว้าง โดยพบปลอกกระสุนปืนอาก้าขนาด 7.62 มม. จำนวน 12 ปลอก  และกระเดื่องระเบิดแบบขว้างลูกเกลี้ยง หรือขนาดเอ็ม 61ตกอยู่ 1 ชิ้น

อุกอาจกระทำการเหมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแปอย่างน่ากลัว แต่สืบเสาะถึงเบื้องหลังแล้วคดีนี้มีมูลเหตุที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า

“หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบสวนพยานแวดล้อม ตำรวจได้โทรศัพท์ประสานไปยังนายนาวิน ที่อยู่ต่างประเทศ โดยนายนาวินบอกว่ามือปืนที่ยิงถล่มบ้านน่าจะเป็นมือปืนกลุ่มเดิมที่บุกยิงถล่มจนได้รับบาดเจ็บที่จังหวัดเลยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคงรู้ดีว่าวันนี้ไม่อยู่บ้าน และไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกัน จึงได้บุกยิงถล่มเพื่อหวังข่มขู่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มไหน ส่วนสาเหตุการยิงถล่มบ้านนายนาวินในครั้งนี้เชื่อว่า น่าจะเป็นความขัดแย้งในเรื่องมรดกเครือญาติที่แบ่งกันไม่ลงตัว และเกิดการฆ่ากันเกิดขึ้นมาโดยตลอดหลังจากที่นายชีวิน พ่อของนายนาวินเสียชีวิตไป” เป็นคำพูดที่ พ.ต.อ.คัชชา ฐาตุศาสตร์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ตั้งสมมติฐานในเบื้องต้น

เพราะนี่ไม่ใช่การก่อเหตุครั้งแรก แต่เป็นการลอบสังหารครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้

ครั้งแรกเกิดขึ้นขณะที่ “เจ้าสัวชีวิน” ยังมีชีวิตอยู่ในปี 2548 โดยมือปืนมาดักยิงถึงกรุงเทพฯ แต่พลาด การได้บาดเจ็บคราวนั้นทำให้เขาเริ่มตระหนักดีถึงปัญหาภายในกงสีตนเอง

เจ้าสัวมีภรรยา 6 คน มีลูกชายลูกสาวต่างมารดารวมแล้วทั้งหมด 8 คน ภรรยาคนแรกคือนางพเยาว์ ขณะนี้อาศัยอยู่ต่างประเทศ มีลูก 1 คน คือนายนาวิน

ภรรยาคนที่ 2 นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือเจ๊หงส์ มีลูก 2 คน คือนางกานดาและนายเนวิน หรือเสี่ยกล้า ,ภรรยาคนที่ 3 นางศิรินธร แซ่โอ๊ว มีลูก 1 คน คือนางดาวิน ,ภรรยาคนที่ 4 นางปัญจรัตน์ หรือศุภลักษณ์ หรือครูแจ๋ว มีลูก 3 คน คือนายรัฐธีร์ นางธัญญรัตน์และนางชายวิน

ภรรยาคนที่ 5 นางสุชาดา ขุ่ยหนองบัว มีลูก 1 คน คือ ด.ญ.โฟร์วิน และภรรยาคนที่ 6 น.ส.เขมิกา ใจดี คนนี้ไม่มีบุตรด้วยกัน

การลอบสังหารครั้งนั้นทำให้เขาตัดสินใจแก้ไขพินัยกรรมที่ได้เขียนไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าเจ้าสัวชีวิน ที่รอดพ้นคมกระสุนมาได้ก็กลับเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ในปี 2549

24 พฤษภาคม 2549 ภายหลังการเสียชีวิต ทนายเปิดพินัยกรรมที่ทำให้คนในครอบครัวต้องอึ้ง เพราะเขาได้ตั้งเงื่อนไขใหม่ว่าทรัพย์สินหลายพันล้านบาทที่มีอยู่นั้นให้แบ่งกับทายาทนับจากวันที่เขาเสียชีวิตจนอายุครบ 100 ปี

“ให้ทายาทถือครองมรดกร่วมกันจนกว่าจะครบ 100 ปี โดยให้ลูกหลานทายาทใช้เงินจากดอกผลของกองมรดกหรือกงสีเท่านั้น”

ต่อมา 1 มีนาคม 2552 นางอรัญญา เหลืองแสงธรรม หรือเจ๊หงส์ ภรรยาคนที่ 2 ถูกยิงเสียชีวิตขณะเดินออกจากร้านเสริมสวย ตรงข้ามโรงเรียนหนองขามวิทยาคาร บ้านหนองขาม เขตเทศบาลเมืองชุมแพ

และอีกครั้งหนึ่งวันที่ 9 มิถุนายน 2553 นายนาวิน ลูกชายคนโต ถูกลอบยิงขณะนั่งรถยนต์ไปร่วมงานมงคลสมรสของ น.ส.เขมิกา ใจดี ภรรยาคนที่ 6 ของเจ้าสัว ที่ อ.วังสะพุง จ.เลย แต่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย...นายนาวินรอดมาได้

จนมาถึงครั้งนี้ ที่เป็นการลอบสังหารครั้งที่ 4 แม้ว่านายนาวิน จะระมัดระวังเป้นอย่างดีโดยมีตำรวจ 4 นาย คอยคุ้มกันตลอดเวลาประจำที่บ้านพัก แต่ก็มาเกิดเหตุจนได้ระหว่างไปต่างประเทศ

ปมเหตุที่ต้องเป็นนายนาวิน ก็เพราะว่าเจ้าสัวระบุในพินัยกรรมว่าให้ลูก 3 คน เป็นผู้จัดการมรดก หนึ่งคือ นายนาวิน สองคือ นางกานดา ลูกสาวของภรรยาคนที่ 2 และสามคือนางดาวิน ลูกสาวที่เกิดกับภรรยาคนที่ 3 

หลังจากเปิดพินัยกรรมฉบับแก้ไขใหม่ได้ไม่นาน ความขัดแย้งในกองมรดกก็เริ่มต้นขึ้นด้วยการฟ้องร้องกันเองในตระกูล

เพราะบางคนมองว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการจัดสรรมรดกหลายพันล้าน จึงฟ้องร้องเรียกทรัพย์สิน จนบานปลายไปฟ้องร้องให้ถอนผู้จัดการกองมรดกทั้ง 3 คน อันเนื่องมาจากจัดการมรดกไม่เป็นไปตามพินัยกรรม

เหตุผลคือมีการแบ่งทรัพย์สินบางส่วนโดยไม่รอให้ครบ 100 ปีตามพินัยกรรม ขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างอุทธรณ์

ตำรวจชุดสืบสวนคดีนี้รายหนึ่งวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่มีความต้องการกำจัดนายนาวินให้พ้นจากกองมรดก เนื่องจากเป็นการข่มขู่และเตือนผู้จัดการมรดกอีก 2 คนซึ่งเป็นผู้หญิงให้เกิดความกลัวจนยอมถอนตัว

ในที่สุดก็จะเปิดทางให้ข้อแม้ต่างๆ ในพินัยกรรมสามารถนำมาใช้ได้ เพราะในพินัยกรรมมีการระบุว่าหากคนใดเสียชีวิต หรือถอนตัวก็ให้บุคคลรายใดเข้ามาดูแลต่อ ถ้าอยากลัดคิวมาจัดการกองมรดกพันล้านเองอย่างรวดเร็ว...ก็ต้องกำจัดจุดอ่อน

และทุกครั้งที่มีเหตุลอบฆ่าลอบสังหาร เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำสำนวนคดี แอบฟันธงลึกๆว่ามาจากความขัดแย้งกันเองในกองมรดก

แต่ถึงกระนั้นเหตุล่าสุดคราวนี้ นายนาวินได้ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายเป็นเงิน 1 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบคฤหาสน์ของนายนาวิน และได้แบ่งกำลังออกสืบสวนหาเบาะแสของคนร้าย

โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่ทำให้ทราบว่า ก่อนที่คนร้ายกลุ่มนี้จะลงมือก่อเหตุได้เดินทางมาดูลาดเลาที่บ้านพักของนายนาวินหลายครั้งทั้งกลางวันและกลางคืน

อีกทั้งยังติดตามความเคลื่อนไหวของนายนาวินตลอด แต่หาโอกาสลงมือไม่ได้เพราะมีตำรวจคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง

จากแนวทางการสืบสวนและข้อมูลการก่อเหตุที่ผ่านมาเชื่อให้สัมพันธ์กันว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยลอบยิงนายนาวิน ที่ อ.วังสะพุง เพราะมีการเชื่อมกันระหว่างคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ โดย “คนมีสี” เข้าไปร่วมวงล่าค่าหัวด้วย

พ.ต.อ.คัชชา ให้ข้อมูลจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ที่เสาไฟฟ้าหน้าบ้านของนายนาวิน ว่า คนร้ายทั้งสองคนเป็นชายวัยรุ่น รูปร่างสูงท้วม สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ และกางเกงขาสั้น ขณะก่อเหตุได้สวมหมวกไอ้โม่งครึ่งใบ โดยใช้รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงเป็นพาหนะทำทีมาจอดที่บริเวณข้างบ้านนายนาวิน

คนซ้อนท้ายถือปืน แล้วยิงถล่มเข้ามายังตัวบ้าน ส่วนคนขี่รถจักรยานยนต์เป็นคนขว้างระเบิดเข้ามา หลังก่อเหตุได้เดินไปมาเพื่อดูท่าทีก่อนเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไปอย่างใจเย็น

“ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแบ่งกำลังออกหลายฝ่าย บางส่วนเข้ากรุงเทพฯ บางส่วนลงพื้นที่ที่คาดว่าน่าจะมีคนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอาศัยอยู่ รวมถึงในพื้นที่ จ.ขอนแก่นด้วย นอกจากนี้ยังได้ประสานเชิงลึกระหว่างหน่วยงาน เนื่องจากบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามามีเอี่ยวกับการก่อเหตุมีทั้งในและนอกราชการ จำเป็นต้องมีข้อมูลตรงนี้มาประกอบกับพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่”

รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น บอกว่า ขณะนี้รอผลทางเทคนิคและผลจากวิทยาการก็จะมีความชัดเจนในด้านของหลักฐาน ซึ่งสามารถยืนยันไปถึงตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้

“คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ เราจะติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุมาจากเรื่องมรดกพันล้านและเรื่องธุรกิจแน่นอน”

ก็ได้แต่หวังว่านิยายชีวิตจริงเรื่องนี้ คงไม่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม เหมือนอย่างเช่นที่หลายตระกูลดังแย่งสมบัติจนลืมว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน และหันมาฆ่ากันเอง
 

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่