3เด็กชายรับล่วงละเมิดทางเพศด.ญ.ป.1แต่ไม่ได้บังคืบขืนใจ

บุรีรัมย์-3เด็กชายรับร่วมกันล่วงละเมิดทางเพศด.ญ.ป.1จริงแต่ฝ่ายหญิงร่วมเล่นด้วยโดยรับค่าจ้างเป็นเงิน35บาทไม่ได้มีการบังคืบขืนใจแต่ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ความคืบหน้าคดีแม่เด็กป.1เข้าแจ้งความที่สภ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ว่า ลูกสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.1 ถูก 3 ด.ช.อายุ 6-11ปีร่วมกันล่วงละเมิศทางเพศที่สระน้ำแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน จากการสอบปากคำเด็กทั้ง 3 คน ก็ให้ข้อมูลตรงกันว่ามีการกระทำล่วงละเมิดทางเพศจริง แต่เป็นลักษณะการเล่นกันด้วยความคึกคะนองและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้มีการจ้างให้มาทำร้ายกัน หนึ่งในสามเด็กชายให้การว่าได้เสนอจะให้เงินด.ญ.ผู้เสียหาย 35 บาทหากทำให้ดู ซึ่งเหยื่อผู้เสียหายก็ร่วมเล่นด้วยโดยไม่ได้มีการบังคับขืนใจหรือกระทำรุนแรงทั้งให้ข้อมูลด้วยว่าได้มีด.ช.พยายามที่จะสอดใส่อวัยวะเพศของผู้เสียหายด้วย

นายเตชะ ทับทอง ตัวแทนเพจบีคอส วีแคร์ได้ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับในเบื้องก็ยังก้ำกึ่งว่าเป็นการเล่นกันด้วยความคึกคะนองของเด็กหรือเกิดขึ้นจริง ซึ่งก็ต้องรอดูผลตรวจจากแพทย์ และรายละเอียดจากการสอบปากคำของทีมสหวิชาชีพอีกครั้ง ส่วนเรื่องคดีความก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ขณะที่น.ส.กุลจิรา โฉบไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.บุรีรัมย์  ระบุว่า  หลังจากนี้ต้องสืบหาว่าใครเป็นผู้ที่ใช้อวัยวะเพศสอดใส่ ใครมีส่วนร่วมกระทำ หรือสมรู้ร่วมคิด รวมถึงคนที่ว่าจ้างให้กระทำก็ต้องมีความผิดด้วย  แต่การกระทำผิดของเด็กก็ต้องได้รับการคุ้มครอง เพราะอายุไม่ถึง 10 ขวบถือเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์  อาจจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ หรือมีความคึกคะนองเวลาที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มและด.ญ.ผู้เสียหายก็ไม่ได้ถูกขัดขืนใจ หรือบังคับแต่มีส่วนร่วมเล่นด้วย

"คดีอาญาอาจไม่ถึงขั้นต้องจับเด็กที่กระทำไปปรับพฤติกรรม แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าไม่มีความผิดทางกฎหมาย  แต่อาจจะใช้วิธีทางจิตวิทยา ให้คำปรึกษา ซึ่งจะต้องรวมไปถึงตัวผู้ปกครองด้วยถึงการปล่อยปะละเลยให้เด็กเล่นกันตามลำพัง จนทำให้เกิดพฤติกรรมการเล่นที่ไม่เหมาะสม ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่บุตรหลานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก" น.ส.กุลจิรา กล่าว

ส่วน ด.ญ.ผู้เสียหาย ทางบ้านพักเด็กและครอบครัว ได้รับเข้ามาดูแลเยียวยาเรื่องสภาพจิตใจแล้ว โดยจะมีนักสังคมสงเคราะห์  นักจิตวิทยาคอยให้คำแนะนำปรึกษาเด็กอย่างใกล้ชิด  หากเห็นว่าเด็กมีความทั้งด้านสภาพร่างกาย จิตใจ ก็จะส่งกลับไปอยู่ในพื้นที่ตามปกติ

ขณะที่ผู้ปกครองของ ด.ช.ที่ถูกกล่าวหาได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายและครอบครัวด้วย  เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากความคึกคะนองหรือเล่นกันตามประสาเด็ก แต่โซเชียลกลับมีการไปโพส์ตแชร์จนทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนกรณีมีการกล่าวหาว่ามีญาติเป็นผู้มีอิทธิพลไปขอเคลียร์ให้จบเรื่องก็ไม่เป็นความจริง ข้อเท็จจริงคือ ยายของ ด.ญ.มาแจ้งกับผู้นำชุมชน ให้เรียกผู้ปกครองของ ด.ช.ทั้ง 3 คนมาตักเตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กและยายแจ้งว่าจะพาหลานไป รพ.แต่ไม่มีเงินค่ารถ ด้วยความเห็นใจจึงได้ออกเงินเป็นค่ารถและค่าใช้จ่ายให้กับให้ยายเด็ก 2,000 บาทซึ่งยายเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเข้าใจว่าเด็กเล่นกันแต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตจึงอยากวิงวอนขอให้ความเป็นธรรมกับ ด.ช.ที่ถูกกล่าวหาด้วย