วิวาทะค่าบาท
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำลายสถิติในรอบ 13 ปี หลังจากไทยประกาศใช้นโยบายค่าเงินบาทลอยตัวแบบมีการจัดการ จนหลุดกรอบ29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นำมาสู่การออกมาตรการแก้ไขให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำลายสถิติในรอบ 13 ปี หลังจากไทยประกาศใช้นโยบายค่าเงินบาทลอยตัวแบบมีการจัดการ จนหลุดกรอบ29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นำมาสู่การออกมาตรการแก้ไขให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
มาตรการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไม่ได้เน้นการแทรกแซงตลาด แต่เน้นการช่วยเหลือผู้ส่งออกและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน แต่หลังจากมาตรการสยบค่าเงินบาทออกมา กลับมีแต่เสียงตำหนิติเตียนรัฐบาลว่าเบาเกินไป ควรจะทำให้แรงกว่านี้เพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทันที ขณะนี้จึงเกิดสงครามน้ำลายระหว่างรัฐบาล นักวิชาการ นักธุรกิจซึ่งมีทั้งโจมตีและเสนอแนะ
ที่วิพากษ์รัฐบาลแรงที่สุดคือ นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี แนะนำว่ารัฐบาลควรจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง0.75% จากปัจจุบัน 1.75% และควรกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ธปท.ต้องเลิกหลอกประชาชน อย่าแล้งน้ำใจกับประเทศชาติ เพราะอาจจะเกิดวิกฤตรอบ 2 ได้ เพราะความโง่เขลาของ ธปท. ขณะนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไม่ได้เป็นไปตามพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ส่วนเจ้าสัวใหญ่อย่าง นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ บอกว่า หากค่าเงินบาทแข็งค่าลงไปถึง 25 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งรอบ 2 เชื่อว่าปี 2554 จะเจอปัญหาหนักกว่านี้ เพราะผลกระทบไม่ได้เกิดทันที แต่จะเกิดขึ้นภายใน3-6 เดือนข้างหน้า แม้แต่ผู้นำเข้าก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วย ทุกคนรู้ยกเว้นพวก ธปท.ที่ไม่รู้ สุดท้ายก็กระทบต่อแรงงานและการจ้างงาน
ทางด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มีแนวเสนอแนะ โดยเสนอ 7 แนวทางแก้ไขค่าเงินบาทคือ
1.ขอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขอให้ลดดอกเบี้ยนโยบายให้เหลือ 1.25%
2.มาตรการต่างๆ ของกระทรวงการคลังที่ออกมาแล้วขอให้ผลักดันให้มีผลในทางปฏิบัติ โดยการตั้งคณะกรรมการทำงานภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ
3.ธปท.ต้องส่งสัญญาณอย่างจริงจังในการดูแลไม่ให้เงินผันผวนไปตามการเก็งกำไร
4.ขอให้ ธปท.เข้างวดที่เงินที่เข้ามาในลักษณะการเก็งกำไรทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้
5.ขอให้ ธปท.ออกกฎเกณฑ์ควบคุมและจำกัดจำนวนเงินกู้ยืมและแลกเปลี่ยนเงินบาทของสถาบันการเงิน ในการจำกัดการกู้เงินบาทไปแลกเงินเหรียญสหรัฐ
6.ขอให้ ธปท.และการคลังร่วมมือในการหามาตรการที่เข้มข้นเพิ่มขึ้นกว่าที่ออกมาแล้ว
7.ขอให้พิจารณาดำเนินการออกมาตรการชั่วคราวในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของเงินทุนที่ไหลเข้ามาในประเทศในอัตรา 2-4% ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศที่ทำอยู่ เพื่อลดการไหลเข้าของเงิน
นั่นคือเสียงของฝั่งไม่เห็นด้วยแต่ฝั่งผู้ทำนโยบายโดยตรงอย่างม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการ ธปท. กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้คงไม่สามารถกลับไปคงค่าเงินบาทไว้ระดับใดระดับหนึ่งได้ เพราะอดีตไทยพยายามจะทำก็ไม่สำเร็จ มูลค่าการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของโลกในแต่ละวันสูงถึง 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ การตั้งเป้าไว้ว่าค่าเงินน่าจะอยู่ระดับใดระดับหนึ่งแล้วสู้ไปคงสู้เขาไม่ได้ดังนั้นการปล่อยค่าเงินให้ยืดหยุ่นสอดคล้องกับเศรษฐกิจบริหารจัดการบ้างน่าจะดีกว่า
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ธปท.ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของประเทศ พยายามดูแลเพื่อลดความผันผวน ทั้งในระยะสั้นระยะยาว แต่มาตรการที่ออกมาจะทำให้ทุกฝ่ายถูกใจคงเป็นไปไม่ได้เพราะค่าเงินบาทแข็งมีทั้งคนได้และคนเสีย
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังยังไม่มีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศตามข้อเสนอของภาคเอกชน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ออกนอกเต็มสูบ
ด้านคนกลางอย่าง นายศุภชัยพานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) เปิดเผยว่า ทางการไทยควรเปิดกว้างให้คนไทยนำเงินไปลงทุนต่างประเทศให้มากที่สุด เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท
ขณะเดียวกัน ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดค่าเงินบาทคงที่ เพราะการพิมพ์ธนบัตรจำนวนมาก เพื่อนำไปซื้อเงินเหรียญสหรัฐ โดยหวังให้ค่าเงินบาทอ่อนค่านั้นเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ ต้องยอมรับว่าเงินบาทแข็งเพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแต่ไม่ควรปล่อยให้พื้นฐานทางเศรษฐกิจมาทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ


