ติดต่อราชการ เมื่อสำเนาไม่จำเป็นอนาคตร้านถ่ายเอกสารที่อาจถูกกลืน
ก้าวแรกอย่างเต็มตัวสำหรับรัฐบาล ดิจิทัลในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เนื่องจากวันที่ 5 มิ.ย. รัฐบาลประกาศชัดเจนจะยกเลิกการใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
โดย...เอกชัย จั่นทอง
ก้าวแรกอย่างเต็มตัวสำหรับรัฐบาล ดิจิทัลในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เนื่องจากในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ รัฐบาลประกาศชัดเจนจะยกเลิกการใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านจากหน่วยงานรัฐที่ให้บริการประชาชน โดยประชาชนสามารถตรวจสอบในแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือได้ว่า สถานที่ราชการใดต้องใช้เอกสารใดบ้าง
แน่นอนการเปลี่ยนระบบทำงาน ทุกอย่างย่อมมีข้อกังวลถึงขั้นตอนและความสะดวกที่อาจติดขัด เช่นเดียวกับ ผู้ประกอบการถ่ายเอกสารที่ต้องแบกรับภาระความเดือดร้อนจากนโยบาย 4.0
ว่าที่ ร.ต.สุธีพงศ์ สุภสิทธิ์ เจ้าของร้านถ่ายเอกสารประจำเทศบาลนคร นนทบุรี สะท้อนความเห็นว่า ส่วนตัว ประกอบกิจการถ่ายเอกสารในหน่วยงานราชการมาตั้งแต่ปี 2533 ซึ่งที่ผ่านมาเห็นหน่วยงานราชการจัดเก็บหลักฐานต่างๆ ในรูปแบบเอกสารทั้งหมดมาตลอด ทำให้มีประชาชนต้องใช้ถ่ายเอกสาร เป็นสำเนาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันรัฐบาลเริ่มมีนโยบายปรับเปลี่ยนการติดต่อหน่วยงานราชการไม่ต้องใช้สำเนาเอกสาร ทำให้เอกสารต่างๆ ลดน้อยลง
เจ้าของร้านถ่ายเอกสารคนเดิมยอมรับว่า ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปรายได้การถ่ายสำเนาเอกสารในอดีตกับปัจจุบันแตกต่างกันมาก สมัยก่อนมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน 1,500 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 600-700 บาท หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ส่วนการปรับร้านถ่ายเอกสารให้อยู่รอดถือว่ายากลำบาก เพราะว่าโลกคือคอมพิวเตอร์ คือโทรศัพท์ หากจะปรับอย่างเดียว คือต้องหันไปประกอบธุรกิจอื่นควบคู่ ไปด้วย
"ส่วนเอกสารที่ประชาชนนิยมมา ถ่ายสำเนามากที่สุดคือ 1.บัตรประชาชน 2.สำเนาทะเบียนบ้าน 3.ใบเปลี่ยนชื่อ และ 4.ใบทะเบียนสมรส ซึ่งลูกค้ามาใช้บริการเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้ ในอนาคตธุรกิจถ่ายสำเนาคงหายไปแน่นอนคล้ายกับพวกแผ่นซีดี เทป ค่อยๆ ทยอยหายไปเรื่อย" ว่าที่ ร.ต.สุธีพงศ์ ระบุ
เช่นเดียวกัน เจ้าของร้านถ่ายเอกสารในศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรีอีกราย ที่เปิดให้บริการมานานนับ 10 ปี กล่าวยอมรับว่ารายได้ตอนนี้หดหายไปจากอดีต เนื่องจากประชาชนหันมาใช้สำเนาเอกสารติดต่อหน่วยงานราชการน้อยลง ลดลงไปกว่า 40% นอกจากนี้เรื่องรายได้ยังลดน้อยลงไปอีก สมมติเคยมีรายได้เฉลี่ย 500 บาท/วัน ตอนนี้เหลือประมาณ 300 บาท/วัน วิธีเดียวเพื่อให้ร้านอยู่รอดได้ก็คงต้องปรับตัวควบคู่ไปกับการเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
"ตราบใดที่ยังมีเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ก็ต้องประกอบอาชีพนี้ต่อไป ขณะเดียวกันเครื่องถ่ายเอกสารยังพัฒนา ตัวเองด้วยการปรับปรุงตัวเครื่องให้ ทันสมัยตามเทคโนโลยี เช่น สมัยก่อนต้องถือเอกสารมาถ่ายสำเนา ตอนนี้แค่บันทึกมาในโทรศัพท์มือถือแล้วนำข้อมูลมาซิงก์ผ่านระบบเครื่องถ่ายเอกสารก็ถ่ายสำเนาได้ทันที ดังนั้นตัวเครื่องเอกสารต้องปรับเทคนิคใหม่เรื่อยๆ หรือจากที่เคยถ่ายบัตรประชาชน 1 แผ่น สำเนาทะเบียนบ้าน 1 แผ่น ให้ปรับมาถ่ายเอกสารรวมกันในหน้าเดียว จากเดิมแผ่นละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 2 บาท ก็ปรับใหม่เป็น 1.50 บาท แต่ได้เอกสาร 2 อย่างในแผ่นเดียวกัน ถือว่าลดกระดาษและเพิ่มความอยู่รอดของผู้ให้บริการ"
เจ้าของร้านถ่ายเอกสารในศูนย์ ราชการฯ ยังเล่าให้ฟังว่า นโยบายเลิกใช้สำเนาเอกสารติดต่อราชการคงมี ผลกระทบกับผู้ทำอาชีพนี้แน่นอน กลับ กันยังมั่นใจว่าการติดต่อระบบราชการอย่างไรเสียก็ต้องใช้สำเนา และเป็นไปไม่ได้ที่ราชการจะไม่ใช้สำเนาการติดต่อราชการ เพียงแต่จะใช้มากหรือน้อยเท่านั้นเอง
ในขณะที่ ปกครอง พลเมืองผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร กล่าวว่า ทางสำนักงานเขตจตุจักร มีความพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือให้ครบซึ่งคาดว่าทางรัฐบาลเตรียมพร้อมเรื่องนี้อย่างดี โดยทางฝ่ายทะเบียนเตรียมพร้อมบริการประชาชนอย่างเต็มที่และติดตามข่าวสารตลอดเวลา จึงคาดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรต่อการติดต่อกับหน่วยงานราชการ
อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลอาจเกิดปัญหาคือเรื่อง "การมอบอำนาจ" เวลามาติดต่อราชการด้วยตัวเองไม่มีปัญหาเพราะมีบัตรประชาชนมาแสดงตนชัดเจน แต่ถ้ามอบให้คนอื่นมาแทน เช่น มาขออนุญาตก่อสร้างบ้าน ฯลฯ การที่มอบอำนาจมา เราก็ไม่รู้ว่าคนมอบอำนาจมาเป็นใครอย่างไร จะทราบรายละเอียดของผู้รับมอบเท่านั้น แล้วรายละเอียดของคนมอบอำนาจจะหาจากที่ไหน
ทั้งนี้ เชื่อว่าเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาเอกสารแล้วจะทำให้มีพื้นที่การจัดเก็บเอกสารเพิ่มขึ้น และยังลดการใช้ทรัพยากรได้ระดับหนึ่ง เรียกว่าประหยัดทั้งผู้ติดต่อไม่ต้องเสียเวลาถ่ายเอกสารอีกต่อไป แต่ผู้ประกอบการร้านเอกสารอาจตกงานแน่นอน
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตจตุจักร ยังห่วงใยกรณีเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น ระบบสื่อสารล่ม ไฟฟ้าดับในส่วนนี้จะมีมาตรการรองรับอย่างไร แต่เชื่อว่าทางรัฐบาลมีแผนรองรับในเรื่องนี้แล้ว หรืออาจมีการติดตั้งไฟฟ้าสำรองรองรับ เหตุฉุกเฉินดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาถ้าไฟดับทุกอย่างชะงักหมดทันที ทั้งหมดถือว่าเปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีแล้วเราต้องปรับไปให้ทันสมัยเพื่อความสะดวกสบายของประชาชน
นอกจากนี้ จากการสอบถามฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตราชเทวี พบว่า ทางเขตราชเทวีมีการสแกนเอกสารทางทะเบียนราษฎร์ฉบับจริงของประชาชนเก็บไว้ในเครื่องเพื่อสะดวกในการติดต่อราชการ ร่วมถึงระบบสื่อสารของทางราชการจะค่อยตรวจเช็กระบบอยู่เสมอ
"ตอนนี้จะเก็บสำเนาเอกสารไว้ในเครื่องสแกน มีเพียงเอกสารรุ่นเก่าๆ ที่ออกจากมือเจ้าหน้าที่จึงต้องมีต้นฉบับและสำเนาที่ยังเก็บอยู่ ปัจจุบันสำเนาเอกสารอยู่ในระบบส่วนใหญ่ และยังช่วยลดสถานที่จัดเก็บเอกสาร และสะดวกในการค้นหา ส่วนเอกสารรุ่นเก่ายังค้นมือ เชื่อว่านโยบายนี้ประชาชนได้รับความสะดวกมากขึ้นแน่นอน"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนยังให้ข้อมูลว่า ส่วนใหญ่ประชาชนมาติดต่อทำบัตรประชาชนวันละ 100 กว่าราย/วัน ส่วนทะเบียนราษฎร์ย้ายเข้า-ออก แจ้งเกิด ตาย เฉลี่ย 200 ราย/วัน ทะเบียนสมรส หย่า เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล รับรองบุตร 20 ราย/วัน โดยหลักๆ เอกสารที่ต้องใช้ในการติดต่อราชการคือบัตรประชาชน ปัจจุบันยังไม่ถึงการยกเลิกสำเนาเอกสารทั้งหมด แต่เชื่อว่าอนาคตคงต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม
ภาพประกอบข่าว


