posttoday

ส่งสัญญาณแก้ 53/2560 คสช.พลิกเกมสู้กระแสต้าน

04 เมษายน 2561

การทำงานที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นจะเป็นการใช้มาตรา 44 เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์ 

การทำงานที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นจะเป็นการใช้มาตรา 44 เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน

อย่างที่ทราบกันดีว่ามาตรา 44 เป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2557 ฉบับชั่วคราว เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช.มีอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ที่สำคัญอำนาจดังกล่าวยังถูกรับรองให้เป็นที่สุด ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจดังกล่าวจะได้รับการคุ้มครอง และไม่สามารถมีใครมาทำการโต้แย้งได้

ที่ผ่านมาการใช้มาตรา 44 ถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำอำนาจเหนืออำนาจมาบังคับใช้ภายหลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับแล้ว

ตามหลักนิติรัฐแล้วไม่ควรให้ใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ควรให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลได้ ดังนั้น การที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 บัญญัติให้หัวหน้า คสช.ยังมีอำนาจมาตรา 44 อยู่ต่อไป ย่อมเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักการนิติรัฐอย่างเห็นได้ชัด แต่รัฐบาลและ คสช.ที่มีนักกฎหมายมหาชนคอยทำงานสนองนโยบายกลับไม่สนใจกับหลักการดังกล่าวเท่าใดนัก

ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ปรากฏว่า คสช.ยังใช้มาตรา 44 เพื่อสร้างเงื่อนไขและภาระให้กับพรรคการเมืองโดยไม่จำเป็น ทั้งๆ ที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบนั้นมีผลใช้บังคับแล้ว ดังจะเห็นได้จากการมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560

คำสั่งหัวหน้า คสช.ในเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสร้างปัญหาให้กับพรรคการเมืองพอสมควร เช่น การให้สมาชิกพรรคมาทำการยืนยันสถานะความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่อหัวหน้าพรรค หรือการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้ครบถ้วนตามกฎหมายภายใน 90 วัน นับแต่มีการยกเลิกประกาศ คสช. 57/2557 ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองประชุมพรรคการเมือง

ไม่เพียงเท่านี้ การมีคำสั่ง คสช. ดังกล่าว ยังเป็นผลให้ สนช.ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง สส.เพื่อให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นเวลา 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป 90 วัน 

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรา 44 ทำให้พรรคการเมืองออกมาต่อต้านพอสมควร

ทั้งการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็เห็นด้วยกับพรรคการเมือง อันนำมาซึ่งการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยมีการชี้ประเด็นให้ชัดเจนลงไปว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ว่ามีการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยด้วยการออกกฎหมายลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของสมาชิกพรรคการเมือง ไปจนถึงการเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดแนวทางให้ชัดเจนว่าพรรคการเมืองสามารถดำเนินการที่ไม่ขัดกับกฎหมายได้บ้าง 

จากแรงกดดันที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะ ส่งผลให้ คสช.และรัฐบาลยอมรับว่าคำสั่งที่ 53/2560 มีปัญหาอย่างแท้จริงและเตรียมจะแก้ไขในเร็วๆ นี้ตามที่หลายฝ่ายเรียกร้อง

“ส่วนที่น่าจะเป็นปัญหาอยู่จริงในการปฏิบัติจากคำสั่งที่ 53/2560 ซึ่งก่อนหน้านี้ เช่น การประชุมใหญ่ของพรรคการเมืองที่ต้องประกอบด้วยหัวหน้าหรือตัวแทนของสาขา ปัญหาคือพรรคที่มีสาขาก็พอจะเรียกประชุมให้ครบองค์ประกอบได้ แต่พรรคที่ยังไม่มี จะมีสาขาได้ก็ต่อเมื่อมีการประชุมใหญ่ แต่ในการประชุมใหญ่ต้องมีหัวหน้าสาขา

ในที่สุดจึงเป็นปัญหาว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน เป็นข้อขัดข้องที่ได้จัดเตรียมว่าจะต้องแก้ไข โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ยกร่างเตรียมไว้ก่อนแล้ว” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ

การเตรียมใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ออกตามมาตรา 44 นั้นเป็นแนวปฏิบัติที่ คสช.เคยทำมาก่อน แต่การมีท่าทีของ คสช.และรัฐบาลที่แสดงออกผ่านรองนายกฯ ดังกล่าว นับว่ามีนัยทางการเมืองพอสมควร เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้มีท่าทีแข็งกร้าวต่อพรรคการเมืองพอสมควร

ดังนั้น หากจะบอกว่าการยอมแก้คำสั่งที่ 53/2560 เป็นการแก้เกมการเมืองประการหนึ่งก็คงไม่แปลกนัก

ก่อนอื่นต้องไม่ลืมว่าเวลานี้บรรยากาศและอารมณ์ทางการเมืองของคนไทยส่วนใหญ่ต่างมุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้งกันพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะการปรากฏตัวของพรรคการเมืองใหม่จำนวนไม่น้อย หรือการออกมายืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของบรรดาขุนพลแต่ละพรรคการเมืองในช่วงนี้

ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยพร้อมแล้วกับการเลือกตั้ง ที่สำคัญยังพร้อมจะเล่นตามกติกาที่มีอยู่ในเวลานี้ เรียกได้ว่าเหลือเพียงแต่ คสช.เท่านั้นว่าจะพร้อมลงมาเล่นกับกติกาที่พวกของตนเองออกแบบไว้หรือไม่

เมื่อถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง แน่นอนว่าถนนทุกสายย่อมพุ่งตรงมาที่ คสช.เช่นกัน

ยิ่ง คสช.พยายามแสดงออกถึงการยื้อเลือกตั้งด้วยการใช้กฎหมายมากเท่าไร คสช.ย่อมตกที่นั่งลำบากมากขึ้นเท่านััั้น

การทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองท่ามกลางกระแสเลือกตั้งที่เชี่ยวอยู่เวลานี้ จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อ คสช.เท่าใดนัก จึงเป็นที่มาของการยอมอ่อนลงให้ในระดับหนึ่ง เพื่อรักษาและเลี้ยงกระแสเอาไว้เพื่อเป้าหมายในการกลับมาเข้าสู่อำนาจอีกครั้งในอนาคต

ข่าวล่าสุด

ทรูเร่งกู้สัญญาณชายแดนไทยกัมพูชาดูแลการสื่อสารช่วงหยุดยิง