3หนุ่มทำร้ายลุงขับแท็กซี่มอบตัวอ้างโมโหถูกบีบแตร-เปิดไฟสูงใส่
3หนุ่มก่อเหตุรุมทำร้ายลุงขับแท็กซี่ย่านสำโรงเข้ามอบตัว อ้างโมโหถูกเปิดไฟสูง-บีบแตรใส่หลังขี่จักรยานยนต์กลางถนน
3หนุ่มก่อเหตุรุมทำร้ายลุงขับแท็กซี่ย่านสำโรงเข้ามอบตัว อ้างโมโหถูกเปิดไฟสูง-บีบแตรใส่หลังขี่จักรยานยนต์กลางถนน
จากกรณีเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คนได้ใช้ก้อนหินปาใส่กระจกหลังรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง ยี่ห้อ นิสสัน ได้รับความเสียหาย กระจกหลังแตกทั้งบาน และรุมทำร้ายร่างกาย นายปรีดา แสนสุข อายุ 62 ปี คนขับรถแท็กซี่จนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายใน ซอยด่านสำโรง 50/1 ตำบลด่านสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล ผกก. สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ เจ้าของพื้นที่ได้สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วจนกระทั่งทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคือ นายธนิต มหากำมินทร์ อายุ 33 ปี นายศิลาวัฒน์ สุมมาตร อายุ 34 ปี และนายนราเศรษฐ์ ถาวรโพธิวัฒน์ อายุ 32 ปี จึงได้เร่งติดตามจับกุมและประสานญาติผู้ก่อเหตุทั้งหมดให้พามามอบตัว
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุทั้งสามได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือสมุทรปราการ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมระบุว่า ที่ทำไปด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบ และอยากขอโทษผู้บาดเจ็บ
ร.ต.อ.จตุพร บุญประสงค์ รองสารวัตรสอบสวนสภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ร้อยเวรเจ้าของคดี จึงได้ติดต่อนายปรีดามาที่โรงพักเพื่อร่วมรับฟังการสอบสวน
จากการสอบสวนนายศิลาวัฒน์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนทั้งหมดได้ขับขี่รถจักรยานยนต์และนั่งซ้อนท้ายกันมาบริเวณกลางถนน ซึ่งก็เป็นจังหวะที่แท็กซี่ของผู้บาดเจ็บอยู่เลนซ้าย ได้บีบแตร และเปิดไฟสูงใส่พวกตน ก่อนที่จะเร่งเครื่องแซงพวกตนขึ้นไป ให้ตนและพรรคพวกไม่พอใจที่ถูกบีบแตรใส่ จึงได้พากันขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามรถแท็กซี่ผู้บาดเจ็บไป ก่อนที่จะล้วงเอาเงินเหรียญที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาและปาใส่กระจกหลังของรถแท็กซี่ของผู้บาดเจ็บจนแตกทั้งบาน เพื่อต้องการให้ผู้บาดเจ็บหยุดรถ พอผู้บาดเจ็บหยุดรถจึงกรูกันลงไปรุมทำร้าย จากนั้นจึงพากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกมา
กระทั่งมาทราบว่าผู้บาดเจ็บที่รุมทำร้ายเป็นชายสูงอายุ จึงสำนึกผิดและติดต่อขอเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งนำพวงมาลัยมากราบขอโทษผู้เสียหาย
ด้าน นายปรีดา ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า หากกลุ่มผู้ก่อเหตุยอมรับผิดและสำนึกในการกระทำ ตนและครอบครัวก็ยินดีที่จะให้อภัยไม่ถือโทษต่อกัน แต่ในเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนในเรื่องอื่น ๆ ตนและครอบครัวไม่ติดใจเอาความ อยากจะเตือนพวกเขาว่า ทำอะไรขอให้ใจเย็น ขอให้นึกถึงพ่อแม่ที่อยู่ข้างหลังจะเดือดร้อนไปด้วย ใครจะอยากให้ลูกตัวเองติดคุก ในส่วนของตนและครอบครัวยินดีให้อภัย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุทั้งสามว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนบันทึกทำประวัติผู้ก่อเหตุทั้งหมดเอาไว้และปล่อยตัวกลับไปรอการรวบรวมสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป