อดีตช่างภาพข่าวทำจิตอาสาถวาย ร.9ควัก1แสนออกรถจยย.บริการปชช.
เหล่าจิตอาสาทั่วทุกสารทิศต่างร่วมกันทำความดีเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นครั้งสุดท้าย
โดย...เอกชัย จั่นทอง
เหล่าจิตอาสาทั่วทุกสารทิศต่างร่วมกันทำความดีเพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นครั้งสุดท้าย เช่นเดียวกับ กฤษฏ์ ศรีชนะธัญ อดีตช่างภาพข่าวหนังสือพิมพ์ต่างประเทศและหัวหน้าชุดจุดบริการประชาชนลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพฯ ในอดีตเคยได้ทุนเรียนหนังสือในต่างประเทศ และมีโอกาสทำงานจับเลนส์เป็นช่างภาพข่าวของหนังสือพิมพ์ต่างประเทศชื่อดังประจำประเทศไทยอยู่หลายปี ก่อนตัดสินใจออกมาทำงานอื่นแทน
จุดเริ่มต้นจิตอาสาทำความดีของ กฤษฏ์ ครั้งนี้ หลังพบมอเตอร์ไซต์รับจ้างบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ โก่งราคาผู้โดยสารที่จะใช้บริการจากโรงแรมรัตนโกสินทร์ไปแยกอรุณอัมรินทร์ คิดค่าโดยสาร 400 บาท ตอนนั้นคิดแล้วว่ามันไม่เหมาะสมที่จะใช้โอกาสงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเอาเปรียญกอบโกยเงินเข้ากระเป๋า
จากนั้นเลยได้ปรึกษากับเพื่อนๆ ในกลุ่มว่าจะทำอย่างไรดี เลยขันอาสาไปส่งผู้โดยสารคนดังกล่าวโดยไม่คิดเงินนั่นเองกลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของจิตอาสาที่บริการรับ-ส่งประชาชนฟรี แต่เดิมใช้รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับรับ-ส่ง เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเกิดความแออัด รถมีขนาดใหญ่จึงเปลี่ยนเป็นรถเล็กแทน
“ผมตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซต์คันใหม่ราคา 1 แสนบาท มาขับวิ่งรับ-ส่งประชาชนในงานนี้โดยเฉพาะ ทำด้วยความเต็มใจ ยอมรับว่าเหนื่อย แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงทำก็เพราะเราได้รอยยิ้ม ได้คำขอบคุณ คำอวยพรจากประชาชน มันสร้างกำลังใจให้อย่างมาก ในบางครั้งก็ท้อแท้มีคนหาว่าเราสร้างภาพ เกาะกระแสดารา เกาะกระแสงานพระราชพิธีฯ เลยนั่งคิดว่าเราจะไม่สนใจคนพวกนี้ จะขอทำงานปิดทองหลังพระต่อไป” กฤษฏ์ ถอดความรู้สึกเป็นคำพูด
ส่วนการบริการทุกครั้งจะกำชับเพื่อนจิตอาสาทุกคันที่รับ-ส่งประชาชนให้แข่งกันทำความดี ทุกครั้งก่อนเข้าวิน (จุดจอด) ต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง ถ้าจะกลับเข้ามาวินต้องเหลือแค่ 2 ขีดนั่นหมายความว่าน้ำมันที่ลดไปใช้รับ-ส่งบริการประชาชนจะทำแบบนี้เพื่อให้ทุกคนร่วมกันทำความดี อย่าไปมองเรื่องผลประโยชน์แม้ก่อนหน้านี้จะมีผู้ใจบุญควักเงินให้จำนวนมากแต่พวกเราไม่รับ เนื่องจากทำด้วยใจจิตอาสามากกว่าผลตอบแทน
อดีตช่างภาพข่าว เล่าอีกว่า แน่นอนว่าเรื่องผลประโยชน์อาจไม่ใช่ตัวแปรสำหรับเรา แต่ตัวแปรคือกำลังใจและคำขอบคุณที่ประชาชนกล่าวบอกคืนให้มาแทนน้ำใจ แม้จะหมดเงินไปจำนวนมากกับการเป็นจิตอาสาก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ทำมาร่วมแล้วกว่า 1 ปี นับตั้งแต่พระองค์ท่านสวรรคต พวกเราไม่คิดย่อท้อเลยแม้แต่น้อย
“การทำความดีครั้งนี้ ไม่ใช่ทำเพียงงานของพระองค์ท่านเพียงงานเดียวแล้วเลิกทำ แต่พวกเราทุกคนจะทำความดีเช่นนี้ต่อไปอีก หากมีโอกาสใดๆพวกเราก็จะรวมตัวกันทำความดีอย่างครั้งนี้เช่นกัน ไม่ใช่ว่ามาทำความดีแค่ครั้งเดียวแล้วเลิก แบบนี้ไม่เอาไม่ดี ต้องทำให้ตลอดจนเป็นนิสัย” กฤษฏ์ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น
นอกจากนี้ กฤษณ์ ยังเป็นหัวหน้าจุดบริการรับ-ส่งประชาชนบริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร อีกด้วย ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานฯและจัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ประชาชนเข้ามาถวายดอกไม้จันทน์ ต้องเข้ามาวางแผนประสานความร่วมมือกับตำรวจ ทหาร กทม. และสำนักพระราชวัง ซึ่งใช้เวลากว่า 1 เดือนเต็ม หวังให้ทุกอย่างเกิดความสมบูรณ์เรียบร้อยด้วยดีอย่างสมพระเกียรติ
ทั้งนี้ การทำงานจิตอาสาทำให้ได้เห็นความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน จากจำนวนประชาชนที่หลั่งไหลมาจำนวนมหาศาล ที่สื่อสะท้อนให้เห็นว่ามีคนรักพระองค์ท่านมากมายขนาดไหน หลายเหตุการณ์ฝนตกแดดออกร้อนอบอ้าว ประชาชนก็ไม่ยอมท้อถอย ทุกคนตั้งใจรอเพื่อพระองค์ท่านอย่างมุ่งมั่นปราศจากคำว่า “เหนื่อย” ไปปริยาย
“เมื่อครั้งครบ 100 วัน พระองค์ท่านสวรรคตได้บวชให้พระองค์ท่าน ถือว่าเป็นสิริมงคลกับชีวิตและมีความภาคภูมิใจอย่างมาก”
สำหรับเหตุการณ์ที่เสียใจที่สุดในการทำหน้าที่จิตอาสาครั้งนี้ ครั้นเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะขับมอเตอร์ไซต์ส่งผู้โดยสาร รถเกิดอุบัติเหตุชนกับประตูรถยนต์ที่เปิดออกมาพอดี ทำให้ข้อมือข้างขวาหักแตก นิ้วชี้นิ้วนางข้างซ้ายหัก ต้องรีบไปหาหมอทำแผลและไม่สามารถขับรถบริการประชาชนได้ แต่ก็ยังตัดสินใจเข้าบริการประชาชนเหมือนเดิมเพียงไปทำหน้าที่แจกน้ำแจกอาหารแทน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยืนหยัดในการทำความดีนั้น ก็เพราะว่าพระองค์ท่านทรงงานเหนื่อยเพื่อประชาชนมาตลอด 70 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเล็กน้อยกับชีวิตเราแค่นี้ไม่เหนื่อยแน่นอน แม้ว่าร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจะยังไม่หายเป็นปกติก็ตาม


