มล.ประทีปเชื่อปชป.ไม่ทุจริต
อดีตหัวหน้าชุดสอบกกต.ให้การศาลรธน.เชื่อโดยสุจริตใจปชป.ไม่ทุจริตด้านทนายฝ่ายผู้ฟ้องตั้งข้อสังเกตสัมพันธ์โยงปชป.ตุลาการให้ธาริตทำคำชี้แจงขีดเส้น18 ต.ค.
อดีตหัวหน้าชุดสอบกกต.ให้การศาลรธน.เชื่อโดยสุจริตใจปชป.ไม่ทุจริตด้านทนายฝ่ายผู้ฟ้องตั้งข้อสังเกตสัมพันธ์โยงปชป.ตุลาการให้ธาริตทำคำชี้แจงขีดเส้น18 ต.ค.
ม.ล.ประทีป จรูญโรจน์ อดีตประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขึ้นให้การในการไต่สวนคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง ในการพิจารณาคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ว่า กรณี นางวาศิณี ทองเจือ ผู้บริหารบริษัทแม็กเน็ตไชส์เคยให้การว่า รับจ้างพรรคประชาธิปัตย์ทำป้ายหาเสียง4ล้านบาท แต่มีเอกสารรับเงิน2.03 ล้านบาทว่า ได้พิจารณาในภาพรวม พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้จ่ายเงินให้กับผู้ที่ว่าจ้างครบถ้วนตามที่ขออนุมัติ ส่วนใบเสร็จที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เป็นเรื่องของบริษัทรับจ้างทำป้ายออกใบเสร็จให้พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นให้ กกต.
"พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีส่วนรู้เห็นในการออกใบเสร็จ ถ้าใบเสร็จต่างๆไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ก็เป็นเรื่องที่บริษัทจัดทำขึ้นเอง ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ทำ พรรคประชาธิปัตย์ทำเพียงนำใบเสร็จ และเอกสารต่างๆ มายื่นให้ กกต.นอกจากนี้ยังมีผู้ตรวจสอบบัญชีคอยดูความถูกต้องของเอกสารทุกประการแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว" ม.ล.ประทีป กล่าว
ม.ล.ประทีป กล่าวว่า จากการสอบสวนได้ดูแต่ภาพรวม เมื่อตรวจสอบพบว่ามีการนำเงินไปทำป้ายหาเสียงจริง และต้องยอมรับความจริงว่า ในการโฆษณาหาเสียงของพรรคการเมือง มักมีการใช้เงินมากกว่าที่ได้รับอนุมัติ ดังนั้นจึงเชื่อโดยสุจริตใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาทำทุจริต
ทั้งนี้ นายกิตินันท์ ธัชประมุข ทนายกกต. ได้พยายามซักถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ม.ล.ประทีป และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง ม.ล.ประทีป กล่าวว่า จบการศึกษาจากคณะนิติศาตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2511 โดยเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับนายอภิชาต สุขัคคานนท์ และนายบัญญัติ บัญทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษา กกต.ตำแหน่งสุดท้ายในการรับราชการ เคยเป็นผู้ตรวจการของกระทรวงมหาดไทย และยังเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ต่อมา นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอเลื่อนการนัดไต่สวน นายคมสันต์ โพธิ์คง อดีตกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ออกไปเป็นวันที่ 11 ต.ค.วันเดียวกับที่นายอิศระ หลิมศิริวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคณะกรรมการ ซึ่งตุลาการได้อนุญาตตามที่ขอ
นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตามที่ผู้ถูกร้องได้ยื่นขอให้ อนุญาตให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขึ้นเบิกความเป็นพยานเพิ่มเติม จากที่เคยยื่นไว้นั้น คณะตุลาการพิจารณาแล้วเห็นว่า ให้นายธาริตทำเป็นบันทึกถ้อยคำส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ แทนการเบิกความ
นายอุดมศักดิ์ กล่าวว่า กรณีการขอยื่นเรื่องเลื่อนขึ้นเบิกความของพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง ถ้ามีเหตุขัดข้องหรือมีเหตุจำเป็นก็สามารถแจ้งขอได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดไว้คือ ครั้งสุดท้ายจะเป็นวันจันทร์ที่ 18 ต.ค.นี้ จะไม่มีการขยายหรือเพิ่มวันอีก


