ชีวิตมิใช่เพื่อฆ่า แต่เขาฆ่าเพื่อต่อชีวิต
วันหนึ่งนานมาแล้ว ผมกำลังนั่งฟังสาธยายโศลกภควัทคีตา-มหาภารต ภาษาสันสกฤต เพลินๆ
โดย...กรกิจ ดิษฐาน
วันหนึ่งนานมาแล้ว ผมกำลังนั่งฟังสาธยายโศลกภควัทคีตา-มหาภารต ภาษาสันสกฤต เพลินๆ สงสัยคนที่บ้านจะรำคาญหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงโยนคำถามโลกแตกมาจากด้านหลังว่า “ถ้าจะสรุปหลักการของศาสนาอินเดียพอจะสรุปได้ไหมว่ามีหลักอย่างไร?”
คำถามนี้ยากยิ่ง แต่ผมก็ตอบไปแบบไม่ต้องคิดว่า “ศาสนาจากชมพูทวีปมีหลักร่วมกันอย่างหนึ่ง คือ หลักอหิงสา”
คำถามต่อมาจากแม่บ้าน ก็คือ “อหิงสาคืออะไร?”
ครับ อหิงสา คือ การไม่เบียดเบียนกัน ในระดับกายหยาบ คือ การไม่ทำร้ายกัน (Not to injure) ในระดับจิตละเอียด คือ การไม่พยาบาทกัน (Ill-will) ทั้งศาสนพราหมณ์ ศาสนาไชนะ และพระพุทธศาสนาถือหลักนี้ร่วมกัน
แล้วก็เสริมว่า ที่ชาวชมพูทวีปกินมังสวิรัติกันมาก ส่วนหนึ่งเพราะถือหลักไม่เบียดเบียนสัตว์โลก
แต่พูดยังไม่ขาดคำก็เห็นข่าวการกระทำ “สัปตพลี” หรือการฆ่าสัตว์ทั้ง 7 สังเวยเจ้าแม่คาฬิไมยในประเทศเนปาล สัตว์ทั้ง 7 คือ หนูขาว แพะ เป็ด ไก่ หมู นกพิราบ ตามมาด้วยการตัดหัวควายสังเวยเจ้าแม่ ปีนี้มีควายถูกกระทำพลีไปราว 5,000 ตัว ปีปีหนึ่งหากรวมสัตว์ประเภทอื่นๆ ด้วยก็ราวๆ 2.5 แสนตัว
ตอนนี้แม่บ้านของผมยังไม่ทราบเรื่องสัปตพลี ได้ยินแต่เสียงสัตว์ร้องระงมในคลิปวิดีโอการฆ่าสัตว์สังเวยที่ผมเปิดดูเองแบบเงียบๆ (ที่จริงแล้วเสียงโหยหวนชวนสยดสยองมาก)
มหกรรมการล้างผลาญชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกดังกล่าว ไม่น่าจะแสดงให้เห็นว่าชาวศาสนาพราหมณ์บูชาหลักอหิงสาแต่ประการใด
จริงๆ แล้ว ปรัชญาศาสนาพรหมณ์ห้ามการกระทำพลีสังเวยด้วยชีวิตทุกรูปแบบ เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายมีค่าชีวิตเท่ากันไม่อาจเบียดเบียนกัน การจะทำร้ายกันต้องถึงขั้นจวนตัวเสียก่อน หรือหากมีกรุณาสูงส่ง อหิงสาสูงสุด ก็จะไม่ตอบโต้เลย ยอมตายเพื่อรักษาธรรม อย่างเช่นมหาตมะ คานธี เป็นต้น
ส่วนที่เห็นฆ่าสัตว์สังเวยนั้นไม่ใช่หลักศาสนาพรหมณ์แท้ แต่เจือด้วยศาสนาท้องถิ่นกับลัทธิบูชาเจ้าแม่ หรือศักติ พระแม่ชอบกลิ่นคาวเลือด เสวยเนื้อหนัง การฆ่าจึงจำเป็น แต่ถ้าเป็นพระอิศวร พระพรหม ซึ่งถือเพศพรต หากนำเลือดไปถวายท่าน เดี๋ยวได้โดนเอ็ดกันพอดี
การถือลัทธิบูชาพระแม่ นัยหนึ่งเป็นศาสนาโบราณที่ถือผู้หญิงเป็นใหญ่ ครั้นพัฒนาเป็นศาสนาอิงปรัชญาที่ผู้ชายเป็นใหญ่และถือเพศพรตจึงรังเกียจการฆ่า
แต่เดิมนั้นการหยดเลือดลงแผ่นดิน หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ ทำนองเดียวกับระดูของสตรีที่เป็นสัญญาณของการสืบต่อวงศ์มนุษย์ หมายถึงความสมบูรณ์ของวัฏจักรชีวิต ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ ลัทธิถือพระแม่จึงขาดเลือดไม่ได้
สำหรับชาวนาชาวไร่ที่ถือฤดูกาลกับเมตตาของพระ (แม่) เจ้า การฆ่าเป็นการบนบานด้วยชีวิตเพื่อต่อชีวิตของพวกเขา
แต่กับพวกบัณฑิตพวกพรหมณ์พวกสมณะที่ไม่ต้องลงแรงทำกสิกรรมหรืออุตสาหกรรม มองการฆ่าเป็นของวรรณะต่ำ และด้วยความที่ไม่ต้องลงแรงจึงมีเวลาเพิ่งพินิจปรัชญา เล็งเห็นว่าการทำพลีเป็นของมิชอบ ปาณาติบาตเป็นทางสู่อบาย ท่านจึงสอนอหิงสามากกว่า
พัฒนาการของศาสนาพราหมณ์จากลัทธิพลีกรรมไปสู่การเพ่งพินิจปรัชญามาถึงจุดสุดยอดที่หลักอหิงสา โดยมีสัจพจน์จากมหากาพย์มหาภารต ว่า “อหิงสา ปรโม ธรรโม” ที่แปลว่า
อหิงสาคือยอดแห่งธรรมทั้งปวง


