posttoday

เสียงจากรุ่นพี่"มนุชญ์ วัฒนโกเมร"เตือนน้องสอนนายวิกฤตมหาดไทย

22 กันยายน 2553

"หากสภาพการณ์ของกระทรวงมหาดไทยเป็นเช่นนี้ จะไม่มีคนตั้งใจทำงานแต่จะตั้งใจทำงานให้นักการเมืองในเมื่อโอกาสทำงานก็ไม่มีโอกาส เพราะฉะนั้นโอกาสเดียวคือใกล้ชิดฝ่ายการเมือง"

"หากสภาพการณ์ของกระทรวงมหาดไทยเป็นเช่นนี้ จะไม่มีคนตั้งใจทำงานแต่จะตั้งใจทำงานให้นักการเมืองในเมื่อโอกาสทำงานก็ไม่มีโอกาส เพราะฉะนั้นโอกาสเดียวคือใกล้ชิดฝ่ายการเมือง"

โดย....ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว

การเคลื่อนไหวของข้าราชการกระทรวงมหาดไทยทั้งอดีตและปัจจุบัน  ด้วยการถวายฏีกาคัดค้านแต่งตั้งนายมงคล สุระสัจจะ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย จนล่าสุดนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับชลอนำชื่อนายมงคล ขึ้นทูลเกล้าฯแต่งตั้ง จนกว่าผลสอบเรื่องการทุจริตคอมพิวเตอร์ในกระทรวงมหาดไทยจะเสร็จสิ้น

ปรากฎการณ์กระทรวงมหาดไทยขณะนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากำลังเกิดภาวะอึมครึมอย่างหนัก จากการโยกย้ายแต่งตั้งด้วยการยึดหลักอุปถัมภ์นำหน้าหลักคุณธรรมซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาการบังคับบัญชา  

มนุชญ์ วัฒนโกเมร อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ความไม่ชอบธรรมในกระทรวง หลังมีการแต่งตั้งผู้อาวุโสน้อยกว่าขึ้นมาบังคับบัญชาจนเจ้าตัวต้องตัดสินใจลาออก   และปัจจุบันเป็นคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพลเรือน(ก.พ.ร.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ( ก.ตร.)  ชำแหละปมปัญหาผ่านโพสต์ทูเดย์ดอทคอม  เพื่อหวังว่า ฝ่ายการเมือง และข้าราชการรุ่นน้องในกระทรวงจะกลับคืนสู่สำนึกแห่งคุณธรรม

เสียงจากรุ่นพี่"มนุชญ์ วัฒนโกเมร"เตือนน้องสอนนายวิกฤตมหาดไทย มนุชญ์

"ผมรับทราบข่าวสารจากสื่อและพวกน้องๆที่รับราชการอยู่  รู้สึกว่าการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง มีแนวโน้มคล้ายๆว่าไม่อยู่บนพื้นฐานหลักคุณธรรม   หลักคุณธรรมในระบบราชการโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย  คนที่แต่งตั้งเลื่อนขั้น ต้องมีอาวุโสพอสมควรที่จะปกครองสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเชื่อถือปฏิบัติ   ประการที่สองมีความรู้ความสามารถ  ควบคู่กันไป 

เพราะฉนั้นเวลาเราได้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสมัยที่ผมอยู่ก็เป็นที่ยอมรับ    เท่าที่จำความช่วงเข้ารับราชการ ได้ท่านพิศาล มูลศาสตร์สาทร  อนัน อนันตกูล   เจริญจิตต์ ณ สงขลา  อารีย์ วงศ์อารยะ เราก็ยอมรับ แม้ว่าจะไม่ใช่อาวุโสสูงสุด แต่อยู่ในเกณฏ์อาวุโส ก็เรียกว่าอยู่ในท็อปเทน  ทอบไฟว์   แล้วมีความรู้ความสามารถที่เหมาะก็สามาถปกครองสั่งราชการได้ เกิดความเลื่อมใสในระบบ นี่ถ้าเผื่อไม่ยึดหลักอาวุโส ไปยึดหลักความเหมาะสม ไม่ใช่ท็อปเทน หรือท็อปไฟว์ แต่เป็นหนึ่งในร้อย หรือหนึ่งในห้าสิบก็ไม่รู้จะไปสั่งงานอย่างไร  เพราะการสั่งงานราชการของมหาดไทยไม่ใช่มีหนังสือสั่งเท่านั้น เมื่อมีหนังสือไปแล้วมีปัญหาอุปสรรค ผู้บังคับบัญชาต้องให้ความกระจ่าง ให้แนวทางได้ ไม่ใช่สั่งตามตัวหนังสือแล้วปฏิบัติตามตัวหนังสืออย่างเดียว เพราะฉนั้น  คนที่ให้แนวทางปฏิบัติต้องยอมรับความเป็นอาวุโส ยอมรับในบุคคลิกความเป็นผู้นำ"

สำหรับการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในระยะ 3-4 ปี  มนุชญ์ มองว่า ไม่ได้ยึดหลักท็อปเทน ขณะเดียวกันแม้จะอ้างว่ายึดอาวุโสแต่ก็ไม่ใช่อาวุโสอย่างแท้จริงโดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย

"บางทีการแต่งตั้งปลัดกระทรวง ต้องมองว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมากี่ปี เขาควรมีอาวุโสมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ว่าฯพอสมควร  ไม่ใช่ปีสองปีแล้วเข้ามาเป็นอธิบดี ซึ่งตอนตั้งเป็นอธิบดีอาจข้ามอาวุโสกัน เมื่อมาเป็นอธิบดีแล้วบอกมานับอาวุโสเฉพาะคนที่อยู่ในส่วนกลางแต่ความจริง ไม่ใช่ คุณต้องสั่งราชการไปยังผู้ว่าต่างๆ แล้วตัวคุณเป็นผู้ว่าฯหลังพวกเขา ก็จะถูกมองว่าไอ้นี้มันมาหลัง ก็จะมีปัญหาลักษณะอย่างนี้"

มนุญช์ ยกตัวอย่างสมัยเป็นปลัดอำเภอโทก่อนจะไปเป็นนายอำเภอต้องผ่านโรงเรียนนายอำเภอ สอบบรรจุ ยึดลำดับเลขที่  แต่สมัยนี้ข้ามหัวรุ่นพี่ 

เสียงจากรุ่นพี่"มนุชญ์ วัฒนโกเมร"เตือนน้องสอนนายวิกฤตมหาดไทย มงคล

"สมัยท่านสุรินทร์ ชัชวาล เป็นผอ.กองการเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง บอกผมว่าคุณอาวุโสแล้วคุณต้องออกไปอย่ามาทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง  ผมก็ต้องออกไปรักษาการนายอำเภอ รักษาการนายอำเภอเสร็จต้องเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ผมบอกว่าไม่เข้าโรงเรียนนายอำเภอได้ไหม เขาบอกไม่ได้ คุณต้องเข้า ถึงแม้คุณอาวุโส  เมื่อเข้าโรงเรียนนายอำเภอเวลาสอบออกมาจากโรงเรียนนายอำเภอก็บรรจุตามเลขที่ ไม่มีการข้ามกันเลย แต่ปัจจุบันตำแหน่งน้อยลง ไม่สามารถบรรจุตามเลขที่อาจข้ามกันได้ อาจเพราะความไม่เหมาะสม จบมาความประพฤติไม่ดี   แต่เท่าที่ทราบปัจจุบันมีการข้ามเป็นรุ่น รุ่นที่กำลังรอบรรจุไม่บรรจุ  ไปล้วงรุ่นหลังสองสามรุ่นข้ามมาก็มีปัญหา   ลองงคิดดูสิครับ ปลัดอำเภอคนนี้ที่อาวุโสเข้าโรงเรียนสอบได้เลขที่ก่อน  แต่คนที่เข้าโรงเรียนรุ่นหลังซึ่งเคยเป็นลูกน้อง เคยเป็นเพื่อนกลับมาเป็นายจะปกครองกันอย่างไร"   

อดีตข้าราชการอาวุโสรายนนี้สะท้อนว่า หากสภาพการณ์ของกระทรวงมหาดไทยเป็นเช่นนี้ จะไม่มีคนตั้งใจทำงานแต่จะตั้งใจทำงานให้นักการเมือง  ในเมื่อโอกาสทำงานก็ไม่มีโอกาส เพราะฉนั้นโอกาสเดียวคือใกล้ชิดฝ่ายการเมือง เกรงว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทย แทนที่ทำงานรบริการประชาชน กลับใช้ตำแหน่งหน้าที่บริการฝ่ายการเมือง แล้วก็จะได้รับการแต่งตั้งเลื่อนระดับ  ผลสุดท้ายจะตกสู่ประชาชน

ถามว่าการแต่งตั้งระยะนี้ถูกต้องไหม  มนุชญ์ยอมรับว่าถูกต้องแต่ไม่เหมาะสม

"ถูกต้องตามกฎกพ. แต่ถามว่าความเหมาะสมมีไหม ผมไม่แน่ใจนะ ผมเชื่อว่าความเหมาะสมมีน้อย แล้วทั้งหมดนี้ กพ.ต้องปรับปรุงตัวในการออกกฎต่างๆ ในฐานะเป็นผู้รักษาระบบคุณธรรมของประเทศ  สำนักงาน กพ.ต้องออกกฎต่างๆที่เอื้ออำนวยต่อระบบคุณธรรม อย่งเช่น เท่าที่ผมทราบมีว.11 ไปเน้นการแต่งตั้งความรู้ความสามารถ โดยไม่ต้องพิจาณาอาวุโสก็ได้    อาวุโสเป็นเกณฑ์สุดท้ายเลยซึ่งผมถือว่าไม่เหมาะ  ผมว่าหลักแรก ก็คือต้องอาวุโส แล้วมาดูความเหมาะสม ดูความรู้ความสามารถเป็นรายบุคคล งั้นการแต่งตั้งโดยหลักทั่วไปจะแต่งตั้งตามหลักอาวุโสอันดับหนึ่งก่อน ถ้าลำดับหนึ่งไม่เหมาะสมเพราะอะไร ต้องมีเหตุผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาลำดับสอง ลำดับสาม ถ้าจะข้ามไปแต่ละระดับต้องมีเหตุผลที่เป็นรูปธรรมว่าคนนี้ไม่เหมาะเพราะอะไร   เหตุผลที่เป็นรูปธรรมผู้บังคับบัญชาต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร 

ทีนี้ปัจจุบันเราข้ามไปโดยไม่ให้เหตุผลว่าทำไมคนนี้ไม่เหมาะ  แต่เรากลับไปบอกว่าคนสุดท้ายเหมาะ ฉนั้นก่อนจะข้ามเขาไป เหมือนกับแต่งตั้งตำรวจ ในระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการ กับรองผบ.ตร.   กฎกตร.ให้เรียงอาวุโส ถ้าจะข้ามจะต้องระบุเลยว่า คนนี้ไม่เหมาะเพราะอะไร คนนี้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ถูกสั่งพักราชการอะไรหรือไม่แต่กฎ กพ.เปิดช่องว่างไว้"

"เช่นตำแหน่งว่างให้สามารถทำบัญชีรายชื่อได้ 3 เท่าของตำแหน่งว่าง เนี่ย! เมื่อสองสามวันนี้ได้ข่าวจะมีการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หลักเดิมกพ.กำหนดตำแหน่งว่างให้ทำบัญชี่รายชื่อผู้เหมาะสมได้ 3เท่าของตำแหน่งว่าง ต่อมากระทรวงมหาดไทยขออนุมัติกพ. เป็น 4 เท่าได้ไหม  กพ.ซึ่งมีนายกฯเป็นประธาน ก็อนุมัติให้มหาดไทยนะ  ฉนั้นเป็น 4 เท่าเราอาจได้ผู้ว่าฯที่มาจากรองผู้ว่าฯเพียงปีเดียวหรือไม่ถึงปีก็ได้  เพราะมีข้อยกเว้นอย่างอื่นอีก ถามว่า ถ้ากระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งผู้ว่าฯ เอาคนที่เป็นผู้ว่าฯปีเดียวหรือไม่ถึงปีเป็นผู้ว่าฯถูกต้องไหม  ถูกต้องตามกฎกพ. แต่ถามว่าควรไหม ตอบว่าไม่ควร"

มนุชญ์ แจกแจงว่า  กฎกพ.เขียนไว้กว้างเกินไปสำหรับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอื่นอาจมีตำแหน่งว่าง 2-3ตำแหน่ง ก็หาสามเท่าสี่เท่ายังได้ท็อบไฟว์ ท็อบโฟว์ มันไม่แปลก   แต่กระทรวงมหาดไทยว่างตำแหน่งผู้ว่าฯครั้งหนึ่ง ก็ 20 กว่าตำแหน่ง ถ้าจะทำบัญชีรายชื่อ 4 เท่าก็ 80 คน  ลำดับสุดท้ายอาจมาจากผู้ว่าเพียงปีเดียว ผมไม่เข้าใจที่ประชุมกพ.มีมติอนุมัติได้อย่างไร   อย่างนี้คนที่เป็นรองผู้ว่าฯมาเจ็ดแปดปีทำอย่างไร แล้วเกิดวันดีคืนดีรองผู้ว่าฯเจ็ดแปดปีต้องมาเป็นรองผวจ.ของผวจ.ซึ่งผ่านรองผวจ.มาหนึ่งปี  เขาจะมีความรู้สึกอย่างไร จะบริหารงานกันอย่างไร จะเอาใจทำงานกันไหม น่าคิดนะ

"พูดง่ายๆกพ.เป็นตัวหลักที่จะธำรงไว้ซึ่งหลักคุณธรรม การวางกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องคำนึงถึงขนาดของกระทรวง ทบวง กรมด้วย ไม่ใช่ตัดเสื้อโหลใช้ได้ทุกระทรวงทบวง กรม ไม่สมเหตุสมผลเลย  ผมไม่ค่อยได้ยินกพ.มาพูดเลย ไม่ว่าจะเป็นกพ.หรือเลขากพ."

นี่คือเสียงกระตุ้นส่งท้ายของอดีตบิ๊กคลองหลองที่มีไปถึงกพ.  ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025