posttoday

มาเลเซีย : ดินแดนสามวัฒนธรรม ความงามในความต่างที่อร่อยลงตัว

12 สิงหาคม 2560

หากพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับความนิยมดึงดูดให้ผู้คนไปเที่ยวไปกินมากพอๆ กับเมืองไทยเรานั้น แน่นอนว่าใครๆ ต่างคิดถึงประเทศมาเลเซีย

โดย...ทีมงาน โลก 360 องศา facebook : โลก 360 องศา youtube : โลก 360 องศา

หากพูดถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับความนิยมดึงดูดให้ผู้คนไปเที่ยวไปกินมากพอๆ กับเมืองไทยเรานั้น แน่นอนว่าใครๆ ต่างคิดถึงประเทศมาเลเซียกันเป็นอันดับแรก เพราะมีความสะดวกสบายในการเดินทางใช้เวลาไม่นาน ภายในตัวเมืองต่างๆ มีความสวยงามของสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่ หรือผสมผสานวัฒนธรรมที่แตกต่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว แต่ละเมืองมีเหตุการณ์สำคัญและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ผู้คนส่วนใหญ่สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี และมีสินค้ามากมายหลายระดับให้เลือกซื้อ จนอาจเรียกได้ว่า เมืองนี้เป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักช็อปทั้งหลาย เหตุผลดีๆ นี่เองจึงทำให้ใครๆ ต่างติดใจทำให้มาเลเซียเป็นปลายทางของการท่องเที่ยวที่อยากมาเยือนสักครั้ง

ความน่าสนใจที่สำคัญของประเทศนี้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ เป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีความแตกต่างทางวัฒนธรรมของประชากรที่อาศัยอยู่ถึง 3 เชื้อชาติหลัก ได้แก่ มลายู จีน และอินเดีย การที่ผู้คน 3 วัฒนธรรมหลัก มาอาศัยอยู่รวมกันแบบนี้ จึงทำให้เรามองเห็นมัสยิด โบสถ์คริสต์ วัดจีน วัดฮินดู ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกันได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน นอกจากภาษาพูด การแต่งกาย รูปร่างหน้าตาแล้ว เรื่องของอาหารการกินก็เป็นอีกตัวบ่งชี้และสะท้อนให้เห็นว่า นี่คือมาเลเซีย เป็นดินแดนแห่ง 3 วัฒนธรรมหลัก จึงเป็นโอกาสดีของนักท่องเที่ยวที่สามารถหาอาหารรับประทานได้หลากหลายในแต่ละย่าน

ชาวจีนมาเลย์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นจีนกวางตุ้ง รับประทานอาหารแบบจีนกวางตุ้ง จำพวก ติ่มซำ โจ๊ก ปาท่องโก๋ และเส้นหมี่ผัดซอส ชาวมาเลย์ที่มีเชื้อสายอินเดีย อาหารเช้าก็จะเป็นแบบง่ายๆ คือ โรตี จิ้มกับดาล หรือว่าแกงถั่วแบบอินเดีย แล้วก็มีกาแฟอีกสักแก้วก็เพียงพอแล้ว ส่วนใครที่พอมีเวลา ก็อาจจะนั่งรับประทานโรตี นาน หรือข้าว ที่มีทั้งข้าวขาว แล้วก็ข้าวหมก ในร้านแบบเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย ส่วนชาวมาเลย์ หรือชาวมลายู ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้นิยมรับประทาน นิซิเลอมะ เป็นข้าวที่หุงกับกะทิ รับประทานคู่กับปลาเค็มตัวเล็ก ผัก และน้ำพริก ที่เรียกว่า ซัมบัล หรือบางคนอาจรับประทาน นาสิกานดาร์ (Nasi Kanda) เป็นอาหารเช้า เหมือนข้าวราดแกงในบ้านเรา ที่สามารถเลือกได้ว่าอยากได้แกงแบบไหน จะเพิ่มข้าว เพิ่มไข่ ก็ได้ตามใจชอบ

มาเลเซีย : ดินแดนสามวัฒนธรรม ความงามในความต่างที่อร่อยลงตัว อาหารจีน ในย่านไชน่าทาวน์

แม้ว่ารสชาติอาหารและราคาจะเป็นปัจจัยหลัก ในการเลือกรับประทานอาหารเช้าของชาวมาเลเซีย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เชื้อชาติเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเช่นกัน ความที่มาเลเซียนั้น ประกอบไปด้วย 3 เชื้อชาติหลัก โดยชาวมาเลย์ หรือชาวมลายูนั้น เป็นชนพื้นเมืองที่เป็นชนส่วนใหญ่ และได้รับอภิสิทธิ์หลายอย่าง ในฐานะลูกหลานของแผ่นดินเดิม ทำให้วัฒนธรรมมลายูนั้น ได้รับการส่งเสริมให้โดดเด่นกว่าวัฒนธรรมอื่นๆ แต่ตามร้านอาหารต่างๆ นั้นกลับพบว่าอาหารจานเด่นๆ ของชาตินี้ ไม่ได้มีแค่อาหารมลายูเท่านั้น อาหารประจำชาติที่ได้รับอิทธิพลจากจีน อย่างเช่น บักกุดเต๋ ก็จัดเป็นอาหารขึ้นชื่อจานหนึ่งที่ใครมามาเลเซียแล้วต้องไม่พลาดที่จะรับประทาน แต่ชาวมาเลย์ หรือชาวมลายู ไม่รับประทาน เพราะมีเนื้อหมูและกระดูกหมูเป็นส่วนประกอบหลัก แล้วนำไปต้มในน้ำสมุนไพรและเครื่องเทศสูตรตามดั้งเดิม บักกุดเต๋ แปลว่า “กระดูกหมูและน้ำชา” จึงนิยมรับประทานคู่กับน้ำชา และเชื่อว่าบักกุดเต๋เป็นยาบารุงชั้นดี สามารถรับประทานเปล่าๆ คู่กับข้าวสวย หรือหมี่ลัคซา ซึ่งเป็นอาหารอีกอย่างที่ได้รับอิทธิพลจากจีน แต่ผสมผสานความเป็นมลายูเข้าไป คือ มีน้ำแกงที่เป็นกะทิปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ปัจจุบันเราจะพบลัคซาได้ในหลายๆ ประเทศที่เป็นเขตแหลมมลายู เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ไต้หวัน หรือแม้แต่ในภาคใต้ของไทยเราเองก็มีเหมือนกัน แต่หน้าตาอาจแตกต่างกันไป โดยรวมๆ แล้ว ลัคซา สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ลัคซาแกง กับลัคซาเปรี้ยว ลัคซาแกง ก็จะเป็นพวกเครื่องแกง เป็นน้ำกะทิ ส่วนลัคซาเปรี้ยว ก็จะปรุงรสด้วยใบมะขาม หรือว่าส้มแขก เพื่อให้มีรสเปรี้ยว ลัคซาสามารถทำได้จากหมู เนื้อ ปลา ดังนั้นอาหารชนิดนี้จึงรับประทานได้ทั้งคนเชื้อสายจีน คนเชื้อสายมาเลย์ และคนเชื้อสายอินเดีย

วัฒนธรรมอาหารการกินนั้น ไม่ได้ถูกแบ่งตามเส้นเขตแดนของประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับรากวัฒนธรรมที่สร้างอาหารการกินให้สอดคล้องกับวัตถุดิบที่มีวัฒนธรรมความเชื่ออาหารไทยเราเองบางอย่างก็เหมือนกับอาหารของกัมพูชา ที่มาเลเซียก็เช่นกัน เวลาไปรับประทานอาหารที่โน่น เราอาจจะพบว่า “เอ๊ อาหารแบบนี้เราเคยเห็นในอินโดนีเซียนี่” “เอ๊ แล้วจานนี้เราเคยเห็นในสิงคโปร์นี่นา” หรือว่า “จานนี้เหมือนอาหารไทยของเราเลย” เพราะวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย และมาเลเซียนั้นมาจากรากเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมการกินการอยู่ของสองประเทศนี้จะคล้ายคลึงกัน นอกจากนั้นเรายังพบว่ามีอาหารมาเลเซียอีกหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับอาหารของอินโดนีเซียมาก เช่น เรินดัง นาซิโกเร็ง โซโต้ และซาเตซาเต หรือซาเต๊ะ ซึ่งเป็นอาหารที่ชาวมาเลเซียบอกว่า นี่คืออาหารประจำชาติของเขา แต่ว่าเรื่องนี้เอาเข้าจริงๆ ก็พูดยากเหมือนกัน เพราะเวลาเราไปอินโดนีเซียก็เห็นมีซาเต๊ะขาย หรือแม้แต่ร้านอาหารไทยที่อยู่ในต่างประเทศก็ขายซาเต๊ะเป็นอาหารไทย บางร้านก็มีเปาะเปี๊ยะ บางร้านก็มีแกงกะหรี่ มีโรตีเป็นอาหารจานหลัก หรือถ้าเราไปร้านอาหารเวียดนาม ก็อาจจะมีเฝอรสต้มยำ ไปร้านจีนก็อาจมีผัดกะเพราขาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ชาวต่างชาติลองชิมแล้วชื่นชอบ ทำให้ร้านอาหารต้องปรับตัวประยุกต์และผสมผสานรสชาติกันไป จนบางทีก็ไม่สามารถระบุชัดได้ว่า นี่เป็นอาหารมาเลย์ หรือเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติใดกันแน่

มาเลเซีย : ดินแดนสามวัฒนธรรม ความงามในความต่างที่อร่อยลงตัว ถนนอาลอร์ (Jalan Alor) มีอาหารนานาชาติให้นักท่องเที่ยวลิ้มลอง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ชาวมาเลเซียเขาก็ไม่ได้รับประทานแค่อาหารมลายู อาหารจีน หรืออาหารอินเดียเท่านั้น แต่มีอาหารอื่นจากชาติอื่นๆ อีกมากมาย ดังเช่นที่ย่านถนนอาลอร์ อยู่ใกล้กับ Bukit Bintung (บูกิต บินตัง) ย่านช็อปปิ้งใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ ที่นี่คือสวรรค์ของนักกิน ของคนที่ชื่นชอบบรรยากาศและรสชาติของการรับประทานอาหารนอกห้องแอร์ ร้านอาหารบนถนนเส้นนี้มีเยอะ และดูน่าสนใจทุกร้าน แม้ว่าคนที่นี่จะมีภาคภูมิใจในความเป็นมาเลย์ และอาหารการกินของเขา แต่ทว่าบนถนนอาลอร์นี่แทบจะไม่เห็นอาหารมาเลย์แท้ๆ เท่าไรนัก ส่วนใหญ่กลับเห็นอาหารซึ่งนักท่องเที่ยวหรือคนส่วนใหญ่ให้ความชื่นชอบให้การยอมรับ เช่น อาหารจีน อาหารไทย อาหารเวียดนาม เสียมากกว่า

การที่ชาวมาเลย์ ชาวจีน ชาวอินเดีย อาศัยอยู่รวมกันได้อย่างสงบผ่านมาแล้วรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทั้งที่ มีความแตกต่างกันทั้งภาษา อาหาร วัฒนธรรม หรือบ้านเรือน ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นการผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวและมีสีสัน ทำให้วัฒนธรรมเหล่านี้มีอิทธิพลซึ่งกันและกัน จนหล่อหลอมให้กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของมาเลเซียที่แท้จริงขึ้นมา เป็นความงดงามในความหลากหลาย ความแตกต่างในวัฒนธรรมที่ไม่ได้สร้างปัญหาความแตกต่าง แปลกแยกหรือโดดเดี่ยวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นสีสัน เป็นวัฒนธรรมอันโดดเด่น เป็นปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ทำให้นักเดินทางต่างชาติต่างพากันหลงใหล อยากกลับไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์ ดินแดนที่ยากจะลืม ดินแดนแห่งสามวัฒนธรรม แล้วเราจะกลับมาอีก...มาเลเซีย

ติดตามชมเรื่องราวของทั้งหมดนี้ได้ในรายการโลก 360 องศา วันเสาร์นี้ เวลา 20.55 น. ทาง ททบ.5

มาเลเซีย : ดินแดนสามวัฒนธรรม ความงามในความต่างที่อร่อยลงตัว ถนนเปอตาลิง (Jalan Petaling)


ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”