จันทรุปราคา 7-8 ส.ค.2560
ช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืนของคืนวันจันทร์ที่ 7 ส.ค. ต่อเนื่องถึงก่อนเช้ามืดของวันอังคารที่ 8 ส.ค. 2560 จะเกิดจันทรุปราคา
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
ช่วงเวลาใกล้เที่ยงคืนของคืนวันจันทร์ที่ 7 ส.ค. ต่อเนื่องถึงก่อนเช้ามืดของวันอังคารที่ 8 ส.ค. 2560 จะเกิดจันทรุปราคา สามารถสังเกตเห็นได้ในประเทศไทย จันทรุปราคาครั้งนี้เป็นชนิดบางส่วน คือเงามืดของโลกบังพื้นที่เพียงบางส่วนของดวงจันทร์เท่านั้น ไม่ได้บังหมดทั้งดวง ทำให้เราเห็นดวงจันทร์แหว่งในคืนวันเพ็ญ
จันทรุปราคาหรือจันทรคราสเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เกิดเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์เรียงกันอยู่ในแนวเส้นตรงในอวกาศ ตามลำดับ ทำให้เงาของโลกที่ทอดยาวไปยังด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ไปตกลงบนพื้นผิวดวงจันทร์
จันทรุปราคาไม่เกิดทุกเดือน เพราะระนาบวงโคจรของดวงจันทร์ทำมุมเอียงกับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์เป็นมุมประมาณ 5 องศา วันที่เกิดจันทรุปราคาเป็นวันที่ดวงจันทร์เต็มดวง ดวงจันทร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เมื่อมองจากโลก จึงปรากฏให้เห็นเฉพาะในซีกโลกด้านที่เป็นเวลากลางคืน หากเกิดจันทรุปราคาในช่วงที่ตรงกับเวลากลางวันในประเทศไทย เราก็จะไม่สามารถเห็นจันทรุปราคาครั้งนั้นได้
ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงขนาดใหญ่ก่อให้เกิดเงาโลก 2 ส่วน ได้แก่ เงามืดและเงามัว เงาโลกที่ทอดยาวไปตกที่บริเวณดวงจันทร์จึงมีเงามืดเป็นวงกลมอยู่ด้านใน ล้อมรอบด้วยวงของเงามัว หากจันทรุปราคาครั้งใดดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเฉพาะส่วนของเงามัว จะเรียกว่าจันทรุปราคาเงามัว ซึ่งไม่น่าสนใจนัก เพราะเงามัวมีความทึบแสงต่ำ ทำให้ดวงจันทร์มีความสว่างลดลงเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่สามารถสังเกตได้ ยกเว้นดวงจันทร์จะเข้าไปในเงามัวลึกจนเกือบถึงเงามืด
หากดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเงามืด แต่ไม่ถูกบังทั้งดวงจะเรียกว่าจันทรุปราคาบางส่วน และหากดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดหมดทั้งดวงจะเรียกว่าจันทรุปราคาเต็มดวง แต่ดวงจันทร์ขณะถูกเงามืดบังหมดทั้งดวงก็ไม่มืดสนิท เพราะแสงอาทิตย์มีการกระเจิงและหักเหผ่านบรรยากาศโลกไปตกที่ดวงจันทร์ ทำให้ดวงจันทร์ปรากฏเป็นสีน้ำตาล สีแดงอิฐ หรือสีส้ม บางครั้งมีสีฟ้าปะปนอยู่ได้ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพบรรยากาศโลกในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์
ปีนี้มีจันทรุปราคาเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือจันทรุปราคาเงามัวในวันที่ 11 ก.พ.และจันทรุปราคาบางส่วนในวันที่ 7-8 ส.ค.นอกจากนี้ยังมีสุริยุปราคาวงแหวนในวันที่ 26 ก.พ.และสุริยุปราคาเต็มดวงในวันที่ 21-22 ส.ค. ซึ่งเห็นได้ในสหรัฐอเมริกา
สังเกตได้ว่าเราสามารถจับคู่จันทรุปราคากับสุริยุปราคาที่เกิดใกล้กันได้ว่าห่างกัน 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงที่โลกอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับแนวที่ระนาบวงโคจรของดวงจันทร์ตัดกับระนาบวงโคจรของดวงอาทิตย์
จันทรุปราคาในคืนวันจันทร์ที่ 7 ส.ค. 2560 เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อดวงจันทร์แตะเงามัวของโลกในเวลา 22.50 น. แต่เราจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ณ เวลานี้ เพราะเงามัวมีความทึบแสงต่ำมาก ดวงจันทร์อาจเริ่มดูหมองคล้ำให้สังเกตได้ครั้งแรกในเวลาประมาณ 23.40 น. เมื่อราวครึ่งหนึ่งของผิวดวงจันทร์อยู่ในเงามัว
ขอบดวงจันทร์จะเริ่มแหว่งเมื่อใกล้เวลา 00.23 น.(เข้าสู่วันอังคารที่ 8 ส.ค.) จากนั้นดวงจันทร์จะแหว่งมากขึ้น เงามืดของโลกบังดวงจันทร์ลึกที่สุดเวลา 01.20 น. ขณะนั้น ราว 1 ใน 4 ของดวงจันทร์ด้านทิศใต้ วัดตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางจะถูกเงามืดของโลกบัง (หากคิดเป็นพื้นที่วงกลมจะน้อยกว่านี้)
ดวงจันทร์เคลื่อนออกจากเงามืดในเวลา 02.18 น. ถือเป็นจังหวะสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วน เวลานี้เราอาจยังคงเห็นขอบดวงจันทร์ดูราวกับยังคงแหว่งอยู่เล็กน้อย เพราะขอบเงามืดไม่คมชัด หลังจากนี้ ดวงจันทร์ยังคงอยู่ในเงามัวต่อไป จึงแลดูหมองคล้ำกว่าจันทร์เพ็ญปกติไปอีกระยะหนึ่ง จันทรุปราคาจะสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ออกจากเงามัวในเวลา 03.51 น.
โดยสรุปคือ เริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วนเวลา 00.23 น. บังลึกที่สุดเวลา 01.20 น. และสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนเวลา 02.18 น. เราจึงเห็นดวงจันทร์แหว่งนานประมาณ 2 ชั่วโมง
จันทรุปราคาครั้งถัดไปที่สังเกตเห็นได้ในประเทศไทยเป็นจันทรุปราคาเต็มดวงในคืนวันที่ 31 ม.ค. 2561 เห็นได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดปรากฏการณ์ โดยดวงจันทร์อยู่ในเงามืดทั้งดวงนานถึง 1 ชั่วโมง 16 นาที
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (6-13 ส.ค.)
เวลาหัวค่ำยังคงเห็นดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์อยู่บนท้องฟ้า โดยเรียงจากดวงที่อยู่ทางซีกฟ้าด้านทิศตะวันตกไปยังซีกฟ้าด้านทิศตะวันออก
ดาวพุธอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวเซกซ์แทนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กอยู่ทางทิศใต้ของกลุ่มดาวสิงโต ปลายเดือน ก.ค.ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์ที่สุด ดาวพุธจึงกำลังเคลื่อนกลับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นทุกวัน และสัปดาห์นี้จะเป็นช่วงสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดาวพุธในเวลาหัวค่ำ โดยดาวพุธมีความสว่างลดลงเรื่อยๆ
ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว ปรากฏอยู่สูงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดหลังดวงอาทิตย์ตก จากนั้นเคลื่อนต่ำลงจนตกลับขอบฟ้าในเวลา 4 ทุ่ม
ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งคั่นอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับคนยิงธนู เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ดาวเสาร์จะเคลื่อนถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้าด้านทิศใต้ หลังจากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 2
เวลาประมาณตี 3 ครึ่ง ดาวศุกร์เริ่มปรากฏเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกในกลุ่มดาวคนคู่ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้น สังเกตได้จนกระทั่งแสงของท้องฟ้ายามเช้าสว่างกลบแสงของดาวศุกร์
ดวงจันทร์เต็มดวงในคืนวันที่ 7 ส.ค. 2560 เกิดจันทรุปราคาบางส่วนเห็นได้ในประเทศไทย หลังจากนั้นเข้าสู่ข้างแรม ส่วนสว่างของดวงจันทร์ลดลงทุกวันจนเหลือครึ่งดวงในต้นสัปดาห์ถัดไป
คืนวันเสาร์ที่ 12 ส.ค. 2560 คาดว่าฝนดาวตกเพอร์ซิอัส หรือฝนดาวตกวันแม่จะมีอัตราตกสูงสุด อย่างไรก็ตาม แสงจันทร์สว่างในคืนข้างแรมจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มีโอกาสเห็นดาวตกได้น้อยกว่าปกติ คาดว่าอัตราที่เห็นได้ในประเทศไทยคือสูงสุดไม่เกิน 50 ดวง/ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงหลังเที่ยงคืน


