posttoday

ฝนดาวตก เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้

30 กรกฎาคม 2560

ช่วงสิ้นเดือน ก.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่เกิดฝนดาวตกที่มีชื่อว่าเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ มีอัตราการเห็นไม่สูงมาก

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

ช่วงสิ้นเดือน ก.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่เกิดฝนดาวตกที่มีชื่อว่าเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ มีอัตราการเห็นไม่สูงมากเมื่อเทียบกับฝนดาวตกเพอร์ซิอัสในกลางเดือน ส.ค. และฝนดาวคนคู่ในกลางเดือน ธ.ค. โดยช่วงที่ตกด้วยอัตราสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 ดวง/ชั่วโมง สำหรับผู้สังเกตในประเทศไทย

ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาวซึ่งเป็นเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กของดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยเคลื่อนเข้ามาในบรรยากาศโลก ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นขณะสะเก็ดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงผ่านบรรยากาศ ก่อให้เกิดแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าที่เราเรียกว่าดาวตกหรือผีพุ่งไต้ โดยเกิดขึ้นทั้งเวลากลางวันและกลางคืน แต่เราเห็นได้เฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น ยกเว้นว่าสะเก็ดดาวนั้นจะมีขนาดใหญ่มากจนสว่างพอจะเห็นได้ในเวลากลางวัน

ฝนดาวตกเป็นปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่เรามองเห็นดาวตกหลายดวงมีทิศทางการเคลื่อนที่เหมือนพุ่งออกมาจากจุดเดียวกันบนท้องฟ้า เรียกจุดนั้นว่าจุดกระจาย (ส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มปรากฏที่จุดกระจาย แต่สามารถลากเส้นย้อนแนวการเคลื่อนที่ของดาวตกแต่ละดวงไปบรรจบกันที่จุดกระจาย) เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่ละปีมีฝนดาวตกหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่มีอัตราตกต่ำมาก โดยปกติที่น่าสนใจและมีอัตราสูงสุดมากกว่า 10 ดวง/ชั่วโมง มีอยู่ประมาณ 8 กลุ่ม ส่วนใหญ่นักดาราศาสตร์เรียกชื่อฝนดาวตกแต่ละกลุ่มตามตำแหน่งของจุดกระจาย เช่น ฝนดาวตกนายพรานมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวนายพราน ฝนดาวตกสิงโตมีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต

ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ (Southern Delta Aquariids หรือชื่อย่อ SDA) มีจุดกระจายอยู่ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ เดลตาในที่นี้คือชื่อดาวตามวิธีของโยฮันน์ ไบเออร์ ซึ่งตั้งชื่อดาวแต่ละดวงในกลุ่มดาวแต่ละกลุ่มด้วยอักษรกรีก (เรียกเป็นการเฉพาะสำหรับวิธีเรียกชื่อดาวแบบนี้ว่าอักษรเบเยอร์ตามประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ) ฝนดาวตกนี้จึงมีจุดกระจายอยู่ทางทิศใต้ของดาวเดลตาคนแบกหม้อน้ำ

ฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้เกิดในช่วงวันที่ 12 ก.ค.-23 ส.ค.ของทุกปี มักตกด้วยอัตราสูงสุดประมาณวันที่ 29-30 ก.ค. เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสัมพัทธ์ 41 กิโลเมตร/วินาที หากจุดกระจายอยู่เหนือศีรษะคาดว่าปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยอัตราสูงราว 25 ดวง/ชั่วโมง ตำแหน่งของประเทศไทยมองเห็นกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำอยู่ต่ำกว่าจุดเหนือศีรษะ ค่อนไปทางทิศใต้ ทำให้มีโอกาสเห็นดาวตกในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราสูงสุด โดยต่ำลงไปอยู่ที่ประมาณ 20 ดวง/ชั่วโมง และหากอยู่ในประเทศละติจูดสูงขึ้นไปทางเหนือมากขึ้นก็มีโอกาสเห็นดาวตกด้วยอัตราน้อยลงอีก

นักดาราศาสตร์สมัครเล่น จอร์จ แอล. ทัปแมน ค้นพบฝนดาวตกกลุ่มนี้เมื่อ ค.ศ. 1870 จากการสังเกตดาวตกขณะอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ช่วงแรกเรียกชื่อฝนดาวนี้ว่าเดลตาคนแบกหม้อน้ำ ต่อมาพบว่าสามารถแยกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้และเดลตาคนแบกหม้อน้ำเหนือ กลุ่มที่สองมีอัตราต่ำกว่าและอยู่ทางทิศเหนือของกลุ่มแรก

การศึกษาทิศทางและการเคลื่อนที่ของดาวตกในฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้ในเวลาต่อมาโดยนักดาราศาสตร์หลายคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 พบว่ามีความซับซ้อนที่น่าสนใจ โดยฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้และฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำเหนือเกี่ยวข้องกันและยังเชื่อมโยงกับฝนดาวตกแกะ (Arietids) ในเดือน มิ.ย. และฝนดาวตกควอดแดรนต์ (Quad rantids) ในเดือน ม.ค. โดยดาวหางที่เป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกทั้งหมดนี้คาดว่าเป็นดาวหางดวงเดียวกัน ส่วนสะเก็ดดาวแยกเป็นหลายสายจนก่อให้เกิดฝนดาวตกหลายกลุ่มกระจายออกไปเนื่องจากแรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวพฤหัสบดี

ฝนดาวตก เดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้
ดาวหาง 96 พี ปรากฏในภาพถ่ายจากยานสเตอริโอ-เอ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2550 - ภาพ : STEREO/SECCHI/NASA

งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่าฝนดาวตกทั้ง 4 กลุ่มนี้อาจเกี่ยวข้องกับดาวหาง 96 พี/มัคโฮลซ์ (96 P/Machholz) ตัวเลข 96 และอักษร P แสดงว่าเป็นดาวหางรายคาบดวงที่ 96 ในบัญชีดาวหาง เราอาจเรียกอย่างย่อว่าดาวหาง 96 พี หรือดาวหางมัคโฮลซ์

ดาวหาง 96 พี ค้นพบโดนัลด์ มัคโฮลซ์ นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เมื่อ ค.ศ. 1986 เป็นดาวหางคาบสั้น โคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบในเวลา 5.3 ปี มีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดใกล้กว่าวงโคจรของดาวพุธ วงโคจรมีความรีสูง จุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่เลยวงโคจรของดาวพฤหัสบดี ระนาบวงโคจรเอียงทำมุม 58 องศา กับระนาบวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ ดาวหาง 96 พี จะเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดครั้งถัดไปในปลายเดือน ต.ค.ของปีนี้

งานวิจัยของนักดาราศาสตร์พบความเชื่อมโยงระหว่างดาวหาง 96 พี กับฝนดาวตกแกะในเดือน มิ.ย. (เป็นฝนดาวตกที่เกิดในเวลากลางวัน สังเกตได้ในคลื่นวิทยุ) จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับฝนดาวตกอีก 3 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้

การสังเกตดาวตกจากฝนดาวตกเดลตาคนแบกหม้อน้ำใต้สำหรับปีนี้ในประเทศไทย (กรณีที่ไม่มีเมฆฝนรบกวน) ทำได้ดีที่สุดในคืนวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค. 2560 โดยคาดว่าช่วงที่มีโอกาสเห็นได้มากที่สุดคือระหว่างเวลาประมาณตี 2 ถึงตี 3 ซึ่งเป็นเวลาที่กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำอยู่สูงที่สุดบนท้องฟ้าด้านทิศใต้ รวมทั้งดวงจันทร์ตกลับขอบฟ้าไปแล้ว ซึ่งก็คือก่อนเช้ามืดของวันจันทร์ สามารถสังเกตได้ต่อไปจนถึงก่อนท้องฟ้าสว่าง คาดว่าอัตราตกอยู่ที่ไม่เกิน 20 ดวง/ชั่วโมง หลังจากวันนี้ก็ยังมีโอกาสเห็นได้ แต่อัตราจะลดลงเรื่อยๆ

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (30 ก.ค.-6 ส.ค.) ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ เรียงจากดวงที่อยู่ทางซีกฟ้าด้านทิศตะวันตกไปยังซีกฟ้าด้านทิศตะวันออก

ดาวพุธอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต ใกล้ดาวหัวใจสิงห์ซึ่งเป็นดาวสว่างที่สุดในกลุ่มดาวนี้ โดยเยื้องไปทางซ้ายมือด้านบนของดาวหัวใจสิงห์ ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 30 ก.ค. หลังจากนั้นจะเคลื่อนกลับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น ช่วงสัปดาห์นี้จึงสังเกตดาวพุธได้ดีในเวลาพลบค่ำหากท้องฟ้าเปิด ตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ปลายสัปดาห์ดาวพุธจะเคลื่อนเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวเซกซ์แทนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวขนาดเล็กอยู่ทางทิศใต้ของกลุ่มดาวสิงโต ดาวในกลุ่มมีความสว่างน้อย

ดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวสว่างที่สุดบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำในขณะนี้ปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว เมื่อฟ้าเริ่มมืดหลังดวงอาทิตย์ตก ดาวพฤหัสบดีปรากฏอยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนต่ำลงจนกระทั่งตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง กล้องโทรทรรศน์สามารถส่องเห็นดาวบริวารสว่าง 4 ดวง อันประกอบด้วยไอโอ ยูโรปา แกนีมีด และคัลลิสโต

ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งคั่นอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับคนยิงธนู เวลาหัวค่ำดาวเสาร์อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้าด้านทิศใต้ในเวลา 3 ทุ่ม ดาวเสาร์อยู่บนท้องฟ้าจนกระทั่งตกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลาตี 2 ครึ่ง

ราวตี 3 ครึ่ง ดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สว่างที่สุดจะเริ่มขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก ต้นสัปดาห์ดาวศุกร์ผ่านเข้าไปในพื้นที่ของกลุ่มดาวนายพราน จากนั้นเข้าสู่กลุ่มดาวคนคู่ เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างในเวลาตี 5 ดาวศุกร์จะเคลื่อนสูงขึ้นไปที่มุมเงยประมาณ 25 องศา ดาวศุกร์กำลังเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นอย่างช้าๆ จึงขึ้นช้าลงเมื่อเทียบกับหลายเดือนที่ผ่านมา

ดวงจันทร์สว่างครึ่งดวงในวันที่ 30 ก.ค. สัปดาห์นี้จึงเข้าสู่ครึ่งหลังของข้างขึ้น มองเห็นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำของทุกวัน วันที่ 3 ส.ค. จะเห็นดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวเสาร์ที่ระยะ 4 องศา

ข่าวล่าสุด

สยามพิวรรธน์คว้า 2 รางวัลโลก พร้อมเปิด NEXTOPIA สยามพารากอน