posttoday

ภท.งัดข้อปชป.ขยายแผลเก่าเขย่า รัฐบาล

20 กันยายน 2553

คําสั่งชะลอการแต่งตั้ง “มงคล สุรัจสัจจะ” ขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านหนึ่งเหมือนจะช่วยกอบกู้ “ภาวะผู้นำ” นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้หลุดพ้นจากการครอบงำของพรรคภูมิใจไทย หลังทนยอมปล่อยให้เกิดปัญหาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแบบไม่สามารถทัดทานได้ ทว่า ผลกระทบอีกด้านจากการแข็งขืนประกาศตัวโชว์ภาวะผู้นำ กลับกำลังก่อตัวเป็น “ชนวนร้าว” ซ้ำเติมแผลเก่าระหว่าง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” ให้ลุกลามบานปลายขึ้นทุกที สะท้อนชัดเจนผ่านสงครามน้ำลายที่สาดเข้าหากัน ตั้งแต่ระดับ “แกนนำ” ไปจนถึงลูกพรรค แบบไม่ไว้หน้าความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล

คําสั่งชะลอการแต่งตั้ง “มงคล สุรัจสัจจะ” ขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านหนึ่งเหมือนจะช่วยกอบกู้ “ภาวะผู้นำ” นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ให้หลุดพ้นจากการครอบงำของพรรคภูมิใจไทย หลังทนยอมปล่อยให้เกิดปัญหาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแบบไม่สามารถทัดทานได้

ทว่า ผลกระทบอีกด้านจากการแข็งขืนประกาศตัวโชว์ภาวะผู้นำ กลับกำลังก่อตัวเป็น “ชนวนร้าว” ซ้ำเติมแผลเก่าระหว่าง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” ให้ลุกลามบานปลายขึ้นทุกที

สะท้อนชัดเจนผ่านสงครามน้ำลายที่สาดเข้าหากัน ตั้งแต่ระดับ “แกนนำ” ไปจนถึงลูกพรรค แบบไม่ไว้หน้าความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล

ภท.งัดข้อปชป.ขยายแผลเก่าเขย่า รัฐบาล

ครั้งนี้ ปู่จิ้นชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.หมาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงกับออกมาตัดพ้อตรงๆ ว่า “นายกฯ ตอบโต้แรง ...ท่านควรที่จะหูหนักมากกว่านี้ ไม่ใช่ใครไปตีไข่ใส่สีอะไรก็เชื่อทั้งหมด ทั้งที่บ้านเมืองกำลังจะไปได้ด้วยดี ไม่น่าจะมีปัญหาด้วยเรื่องแบบนี้”

จนถึงการแสดงความคิดเห็นผ่านแหล่งข่าวในพรรคภูมิใจไทย อัดนายกฯ “อภิสิทธิ์” ว่าไม่มีมารยาท จนนายกฯ ต้องตอบโต้ว่า “ทำทุกอย่างตามมารยาท มีการแจ้งล่วงหน้า ฉะนั้นจึงไม่ทราบสิ่งที่พูดว่าไร้มารยาท แต่บังเอิญเขาใช้คำว่าแหล่งข่าว ผมเลยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร...ผมมีหน้าที่ในการที่จะรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเรื่องที่จะไปกลั่นแกล้งใครอะไรทั้งนั้น แต่ว่าเราต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศและความถูกต้อง”

สุดท้ายตามมาด้วยการเรียงแถวตบเท้าของพลพรรคประชาธิปัตย์ที่พร้อมใจออกมาปกป้อง “อภิสิทธิ์” และประกาศพร้อมแตกหักกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง นายประมวล เอมเปีย สส.สายฮาร์ดคอร์ ที่มองว่ารัฐบาลไม่ยึดกับตำแหน่ง ต้องมองถึงอนาคตของชาติเป็นหลัก หากพรรคภูมิใจคิดจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา “บุญคุณ” ของพรรคภูมิใจไทยจากการยอมถูกตีตราว่าเป็นคนทรยศพลิกขั้วมาหนุนประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล พร้อมคอยดูแลจัดการปัญหารักษาเสถียรภาพภายในมาโดยตลอด ทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์จำใจต้องยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ในหลายต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงมหาดไทย ที่แม้สังคมจะรุมประณามการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามอาวุโสแบบไม่สนใจธรรมเนียมปฏิบัติ

ท่ามกลางบรรยากาศโจมตีเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเอิกเกริกถึงขั้นมีการกำหนดอัตราราคาในแต่ละตำแหน่ง จนอดีตข้าราชการมหาดไทยออกมารุมโจมตีอย่างหนัก แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้น จนถูกตอกย้ำด้วยมติของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ยกเลิกการแต่งตั้งนายอำเภอ 41 คน ด้วยปัญหาเรื่องอาวุโส

ทว่า นายกฯ ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารกลับทำได้เพียงแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ พร้อมโยนว่าเป็นเรื่องของดุลพินิจของผู้บริหารกระทรวงที่ได้รับมอบอำนาจไปแล้ว ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้หากไม่มีการทำผิดกฎระเบียบ หรือไม่มีเรื่องปัญหาการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้อง จนต้องปล่อยให้อดีตข้าราชการที่ทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เข้ามายื่นเรื่องจัดการ

แม้แต่ประเด็นเรื่องการชะลอการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายกฯ ระบุว่ามาจากปัญหาในโครงการเช่าซื้อระบบคอมพิวเตอร์มูลค่า 3,490 ล้านบาท ที่ต้องตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนและเร่งทำให้เร็วที่สุด ไม่เกี่ยวข้องกับการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ที่เป็นประเด็นเกี่ยวกับความอาวุโส ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วไม่เป็นปัญหาเรื่องการอาวุโส

นอกจากสัญญาณการเปิดศึกน้ำลายระหว่างพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์แล้ว การยืนกรานเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคภูมิใจไทยแบบไม่สนใจกระแสค้านหัวชนฝาของพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งตอกย้ำถึงความขัดแย้งระหว่างสองพรรคที่รุนแรงขึ้น

เมื่อท่าทีของประชาธิปัตย์ที่ผ่านมายังยืนยันในจุดยืนเดิมไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งนอกจากจะไม่นำไปนำไปสู่ความปรองดองอย่างที่พรรคภูมิใจไทยหยิบยกมาเป็นเหตุผลแล้ว ตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มมากขึ้นซ้ำเติมสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้แย่ลงไป

ดังนั้น เมื่อทางพรรคภูมิใจไทยยังดึงดันเดินเต็มสูบ พร้อมกลับไปแก้ไขร่างกฎหมายเดิมให้ครอบคลุมถึงเหตุการณ์ช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนนำเรื่องเข้าหารือกับวิปรัฐบาลสัปดาห์หน้า เตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาเป็นวาระเร่งด่วน คู่ขนานไปกับการทำความเข้าใจกับประชาชนว่าจะเป็นทางออกสู่ความปรองดอง ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109
ควบคู่ไปกับการประสานสมาชิกพรรคให้ช่วยกันล่ารายชื่อประชาชนหนุนร่างกฎหมายนี้ให้ได้แสนรายชื่อภายใน 60 วัน และรณรงค์เดินหน้าประกาศจุดยืนของพรรคด้วยการติดป้ายคัตเอาต์ บิลบอร์ด กระจายตัวตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งจะทำให้รอยร้าวระหว่างสองพรรครุนแรงมากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ ภูมิใจไทย และ ประชาธิปัตย์ เคยขัดแย้งกันอย่างรุนแรงด้วยชนวนจากโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันผลักดันให้ได้ แม้จะมีเสียงคัดค้านรุนแรงทั้งความไม่คุ้มค่า ไม่โปร่งใสอย่างหนักจากสังคม จนประชาธิปัตย์ต้องสั่งถอยในที่สุด

ความขัดแย้งครั้งนั้นรุนแรงจนถึงขั้นที่พรรคภูมิใจไทยออกมาข่มขู่ให้ระวังการลงคะแนนเสียงในสภา โดยเฉพาะการลงมติใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย 2554 ในช่วงหลังจาก ครม.ตีกลับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ก่อนที่ทุกอย่างจะเคลียร์กันลงตัวและปล่อยให้ความขัดแย้งเงียบหายไป

เมื่อความขัดแย้งระลอกใหม่ในปมปัญหาการแต่งตั้งปลัดมหาดไทย และการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก่อตัวขึ้นอีกระลอก ย่อมส่งผลซ้ำเติมความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกระทบถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน

นี่จึงเป็นอีกปัจจัยท้าทายการบริหารงานฟันฝ่าอุปสรรคของรัฐบาล ที่นอกจากจะมีเดิมพันเป็นอนาคตของรัฐบาลแล้ว ยังส่งผลกระทบไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าซึ่งไม่รู้ว่าจะมาถึงเร็วแค่ไหน