พยาบาลสาวเตือนภัยถูกโจรแกล้งชนรถก่อนลงมือปล้นทรัพย์
ตรัง-พยาบาลสาวเตือนภัยผู้หญิงขับรถกลางคืนคนเดียวอย่าลงจากรถลงไปช่วยคนร้ายทำทีขี่จยย.ให้มาชน เพื่อเหยื่อจะได้ลงไปช่วย ก่อนตลบหลังจี้ปล้นทรัพย์
ตรัง-พยาบาลสาวเตือนภัยผู้หญิงขับรถกลางคืนคนเดียวอย่าลงจากรถลงไปช่วยคนร้ายทำทีขี่จยย.ให้มาชน เพื่อเหยื่อจะได้ลงไปช่วย ก่อนตลบหลังจี้ปล้นทรัพย์
นางสาวขวัญศิริ จงไกรจักร อายุ 28 ปี พยาบาลประจำ รพ.ศูนย์ตรัง โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัวเตือนภัยผู้หญิง ซึ่งประกอบอาชีพเดียวกันและผู้ใช้ถนนในเวลากลางคืนโดยเมื่อวันที่10ก.ค.60ได้เกิดเหตุร้ายกับตัวเอง ขณะที่กำลังขับรถยนต์เพื่อกลับบ้านหลังออกจากลงเวรดึกจาก รพ.ศูนย์ตรังไปตามถนนบายพาสเลี่ยงเมือง เส้นสนามบินตรัง-กันตัง ขณะที่กำลังขับรถเลย รพ.สต.นาป้อ ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ได้ 50 เมตร และใช้ความเร็ว 60 กม./ชม. ปรากฎว่า มีชายวัยรุ่น จำนวน 3 คน ขับขี่รถ จยย.สีดำ ไม่ทราบยี่ห้อและป้ายทะเบียน มาปาดหน้ารถทำให้ตกใจเหยียบเบรคกะทันหันและลงจากรถด้วยความเป็นพยาบาลจึงอยากเข้าถามไปว่า เจ็บตรงไหนหรือไม่ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายคนลักษณะอ้วน ได้ลุกขึ้นมาล็อคคอก่อนใช้อาวุธปืนจี้บริเวณที่เอว แล้วบังคับให้ไปขึ้นรถยนต์
จากนั้น ชายคนที่ 2 ลักษณะผอมได้เดินมาทางประตูด้านคนนั่งข้าง ส่วนชายคนที่ 3 ยืนดูลาดเลาข้างนอก ทั้งนี้ คนร้ายทั้งคู่ได้ใช้อาวุธปืน เเละอาวุธมีดข่มขู่และทำร้ายร่างกาย พร้อมกับรื้อค้นกระเป๋า ได้เงินสดไปจำนวน 7,000 บาท เเละสร้อยคอทองคำ หนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น คนร้ายได้ข่มขู่ในรถว่าให้อยู่นิ่งๆ ไม่นั้นจะยิงให้ตาย จังหวะนั้น ผู้เสียหายรู้สึกกลัวมาก เลยพยายามสะบัดมือ เเละเปิดประตูรถยนต์ คนร้ายจึงดึงผมของพยาบาลสาว เเล้วเอามีดคัตเตอร์กรีดเข้าที่เเขนซ้าย จำนวนหลายเเผล เเละยังต่อยเข้าที่หน้าท้องอีก 2 ครั้ง จากนั้นเอาหมวกกันน็อคฟาดที่ท้ายทอยของผู้เสียหาย 2 ครั้ง เเละตบที่หน้าอีก 1 ครั้ง จนรู้สึกมึนมาก และฟุบไปกับพวงมาลัยรถ เเต่ยังมีสติพยายามโทรศัพท์บอกเเม่ สามี และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือ
"ขอเตือนภัยทุกคนว่า อย่าลงจากรถยนต์เด็ดขาด กรณีขับรถคนเดียวยามค่ำคืน เพราะเดี๋ยวนี้โจรมันมีวิธีมากมาย อาจทำแกล้งมาชนเรา หรือให้เราชน อย่างที่ตนเองประสบมาก็ได้" นางสาวขวัญศิริ กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สส.) สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ตอนนี้กำลังเร่งทำการสเก็ตซ์ภาพของคนร้ายทั้ง 3 คน จากคำบอกเล่าของผู้เสียหาย พร้อมกับส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแส ซึ่งคาดว่าจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามกวดขันป้องกันอาชญากรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งในตัวเมืองค่อนข้างจะได้ผล แต่ยังมีช่องว่างในรอบนอกรอยต่อระหว่างตำบล อำเภอ เนื่องจากบางจุดค่อนข้างเปลี่ยว ประกอบกับมาเจอกับสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ด้วย จึงขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลตัวเองด้วย


