ตามหาวัดขบถชื่ออภัย
ในบันทึกเรื่องกระทรวงนครบาลจัดวัดเป็นที่เผาศพ ฝังศพ และเก็บศพ โดยสมเด็จ-กรมวชิรญาณ ลงวันที่ 1 มี.ค. 2458
โดย...ส.สต
ในบันทึกเรื่องกระทรวงนครบาลจัดวัดเป็นที่เผาศพ ฝังศพ และเก็บศพ โดยสมเด็จ-กรมวชิรญาณ ลงวันที่ 1 มี.ค. 2458 ได้กล่าวถึงวัดหนึ่ง เรียกว่า วัดอภิธามริการาม ว่าเดิมชื่อวัดมะกอก หม่อมเหม็นปฏิสังขรณ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) พระราชทานชื่อว่า วัดอภัยทามริการาม แปลว่า วัดขบถชื่ออภัย เป็นชื่อทักท่านผู้ปฏิสังขรณ์ (หนังสือการคณะสงฆ์ หน้า 402 ประมวลพระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส หน้า 402 มหามกุฏฯ พิมพ์ในงานมหาสมณานุสรณ์ 50 ปี เนื่องในวันสิ้นพระชนม์ แห่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ วันที่ 1-7 ส.ค. 2514)
อยากรู้ว่าวัดขบถหน้าตาเป็นอย่างไร ผู้เขียนจึงไปที่วัดอภัยทายาราม (วัดมะกอก) ที่ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีป้ายเขียนชื่อที่ปากทางว่า วัดอภัยทายาราม ตั้งอยู่เลขที่ 15 ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400 ไปถึงไม่พบตามที่บันทึกไว้ นอกจากเป็นวัดเล็กๆ ไม่มีอะไรสะดุดตา นอกจากตึกโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่สร้างสูงค้ำกุฏิพระสงฆ์ แม่ชี ส่วนของเก่าที่พบ ได้แก่ มัมมี่ มีนามว่า ลุงเชย
ศาลาลุงเชย
ถาวรวัตถุในวัดส่วนมากสร้างใหม่ เช่น อุโบสถ เป็นต้น ในขณะที่เมรุเผาศพแวดล้อมด้วยศาลาสำหรับตั้งศพหลายหลัง น่าสังเกตที่ศาลาอื่นๆ มีหมายเลขกำกับ ยกเว้นหนึ่งศาลาที่มีชื่อว่าศาลาลุงเชย อักษรชี้ไปหลังเมรุ จึงเดินไปดูพบว่าเป็นศาลามัมมี่ เก็บศพชายที่ถึงแก่กรรมเคยถูกฝังไว้ที่ป่าช้าแต่ไม่เน่าเปื่อย เมื่อทางวัดล้างป่าช้าพบ จึงนำมาเก็บไว้ที่ศาลาแห่งนี้ ตั้งชื่อว่าลุงเชย สร้างศาลาให้อยู่ด้วย แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะรอบกำแพงศาลาเป็นที่บรรจุอัฐิผู้วายชนม์อีกหลายสิบคน
พยายามหาคำตอบเรื่องขบถก็ไม่ได้ ไปหาเจ้าอาวาสก็ไม่อยู่ เมื่อพบศาลาเล็กๆ เป็นที่ตั้งรูปเหมือน และรูปเก่าของพระครูอภัยพิริยกิจ อดีตเจ้าอาวาส จึงกราบ พบข้อมูลที่รูปภาพว่าท่าน ชาตะวันที่ 4 มี.ค. 2437 มตะ วันที่ 4 ม.ค. 2517 จากนั้นไปที่คลองสามเสนที่อยู่ติดกับวัด ซึ่งมีรถแบ็กโฮ 3 คัน กำลังขุดลอกคลองที่ตื้นเขิน
เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา คลองสามเสนช่วงที่ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องก๋วยเตี๋ยวเรือ คนนิยมไปนั่งริมคลองสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินได้บรรยากาศดีมาก ต่อมาขึ้นบก และเอาเรือมาตั้งเป็นสัญลักษณ์ด้วย เช่น รายหนึ่งเช่าที่วัดมะกอกตั้งป้ายโฆษณาว่าเป็นเจ้าแรกที่อยู่ในคลอง ส่วนรสชาติต้องพิสูจน์เอง ถ้าดูโต๊ะและชามที่ตั้งไว้บริการลูกค้าแล้ว น่าจะประกันถึงรสชาติได้ ราคาชามละ 15 บาทเท่านั้น
เจ้าฟ้าเหม็นบูรณะ
คลองนี้เป็นทางสัญจรในอดีต แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ๆ กับวังศุโขทัย เขตดุสิต ไหลผ่านเข้าพื้นที่เขตพญาไท เขตราชเทวี เขตดินแดง และไปบรรจบคลองแสนแสบที่เขตห้วยขวาง เป็นเส้นทางที่ทำให้เจ้าฟ้าเหม็นเห็นวัดมะกอกแล้วบูรณะขึ้น ดังข้อมูลจากกูเกิลว่า
เมื่อ (เจ้าฟ้าเหม็น) พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และยังเป็นพระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จมาในคลองพบวัดเสื่อมโทรมไม่สมกับเป็นที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ ดังที่เพลงยาวจารึกไว้บนแผ่นไม้เก็บไว้ที่วัด ข้อมูลในกูเกิลว่า คุณบุญเตือน ศรีวรพจน์ แห่งสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ได้พบเพลงยาวฉบับตัวเขียนในสมุดไทย เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งเนื้อหาตรงกันกับเพลงยาวที่จารึกไว้บนแผ่นไม้ของวัด และได้เขียนแนะนำไว้พอสังเขปในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือน เม.ย. 2548 จึงทราบความเป็นมาในการบูรณะวัดอภัยทายาราม ที่มีในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 1 เพลงยาวที่คุณบุญเตือนคัดลอกจากสมุดไทย มีข้อความว่า
ในอาราม ที่ปลายซอง คลองสามเสน เห็นบริเวณ เปนแขมคา ป่ารองหนอง ไม่รุ่งเรือง งามอราม ด้วยแก้วทอง
ไร้วิหาร ห้องน้อย หนึ่งมุงคา ไม่ควรสถิศ พระพิชิต มาเรศ น่าสังเวท เหมือนเสดจ์ อยู่ป่าหญ่า ทั้งฝืดเคือง เบื้องกิจ สมณา พระศรัดทา หวังประเทือง ในเมืองธรรม
วัดสมานฉันท์
เจ้าฟ้าเหม็นเกณฑ์ไพล่พลมาบูรณปฏิสังขรณ์ตั้งแต่ปีจุลศักราช 1159 (พ.ศ. 2340) ใช้เวลา 8 ปีแล้วเสร็จ ปฏิสังขรณ์แล้วงามจับใจ กลายเป็นวัดสำคัญนอกกำแพงพระนคร จึงครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้า) ที่มีข่าวไม่ลงรอยกัน เสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพระองค์เองที่วัดนี้ทั้งสอง พระองค์ ทั้งๆ ที่เป็นวัดบ้านนอกไกลจากศูนย์กลางของเมืองในขณะนั้น ทำให้คิดว่ามีนัยอะไรหรือไม่ ที่ทั้งสองพระองค์เสด็จวัดนี้ หรือเพื่อสมานฉันท์ โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง
ส่วนนามวัดว่า อภัยทายาราม เป็นนามที่ตั้งขึ้นใหม่ในชั้นหลัง สันนิษฐานต่างๆ นานาว่า ตั้งขึ้นตามชื่อเจ้าฟ้าเหม็น ที่เคยได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ผู้มีศักดิ์เป็นตา ว่า “เจ้าฟ้าอภัยธิเบศร์” แต่เมื่อดูระยะเวลาที่ใช้ชื่อที่เปลี่ยนก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่น่าจะใช่
หรือตั้งชื่อวัดเพื่อขออภัยโทษ และอาจหมายรวมถึงการยกโทษ หรือขออภัยโทษสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไปในเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ดี วัดนี้ก็ไม่สามารถคุ้มครองเจ้าฟ้าเหม็นได้ เพราะหลังจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จสวรรคต วันที่ 7 ก.ย. 2352 เจ้าฟ้าเหม็นที่ทรงกรมเป็นกรมขุนกษัตรานุชิต ก็ถูกสำเร็จโทษ สิ้นพระชนม์ในต้นราชกาลที่ 2 เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2352 รวมพระชันษา 30 ปี
นี่คือที่มาของชื่อวัดอภัยทามริการาม นามที่รัชกาลที่ 4 พระราชทาน แปลว่า วัดขบถชื่ออภัย


