posttoday

ศูนย์สังคีตศิลป์ ภูมิคุ้มกันวัฒนธรรมไทย

04 มิถุนายน 2560

ใครที่ผ่านไปมาบริเวณถนนตะนาว กรุงเทพมหานคร จะเห็นตึกสาขาธนาคารกรุงเทพเด่นตระหง่าน

โดย...เสาวรส รณเกียรติ

ใครที่ผ่านไปมาบริเวณถนนตะนาว กรุงเทพมหานคร จะเห็นตึกสาขาธนาคารกรุงเทพเด่นตระหง่าน

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของ “ศูนย์สังคีตศิลป์” ที่ธนาคารกรุงเทพก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2522 เรียกว่าใกล้จะครบ 40 ปีในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะแม้จะทำธุรกิจธนาคาร แต่ด้วยจุดมุ่งหมายในการสนับสนุนและส่งเสริมดนตรี นาฏศิลป์ และการแสดงพื้นบ้านไทยให้คงอยู่สืบไปชั่วลูกชั่วหลาน ธนาคารกรุงเทพจึงจัดตั้งศูนย์สังคีตศิลป์แห่งนี้ขึ้น และได้สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์มาเป็นเวลายาวนาน

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือ ได้ย่นย่อโลกใบเดิมให้ดูเสมือนแคบลงอย่างไม่น่าเชื่อ มีการเชื่อมต่อกันระหว่างวัฒนธรรมในแต่ละชาติ ช่วยให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมขงชาติต่างๆ ไปสู่อีกชาติหนึ่งได้ง่ายดายยิ่ง 

ทุกวันนี้ ผู้คนในสังคม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถติดตามเพลงซิงเกิ้ลใหม่ของวงดนตรีจากสหรัฐและดาวน์โหลดมาฟังได้อย่างง่ายดาย ได้เห็นคนเต้นโคเวอร์วงบอยแบนด์เกาหลีได้เหมือนต้นฉบับมากมายในยูทูบ สามารถติดตามการแสดงที่ชื่นชอบได้ทันทีด้วยการไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดีย

ในขณะที่ “ศิลปวัฒนธรรมไทย” ค่อยๆ เลือนหายไปจากบริบทสังคม ไม่ว่าจะเป็นดนตรีนาฏศิลป์ การแสดงและการละเล่นพื้นบ้านที่สะท้อนภูมิปัญญา กำลังค่อยๆ จางหายไปพร้อมกับศิลปินที่ร่วงโรยไปโดยแทบไม่มี “ทายาททางวัฒนธรรม” มาสืบทอดต่อ

อย่างไรก็ตาม เราก็ยังพอได้เห็นความพยายามที่จะเก็บรักษา มรดกทางวัฒนธรรม เหล่านี้ให้คงอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผ่าน “ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ” โดยเฉพาะกิจกรรม การจัดประกวดดนตรีไทยประเภทวงมโหรีระดับมัธยมศึกษา “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2529

น.ส.ธัญฑิกา โพธิสมภรณ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบฝ่ายการประชาสัมพันธ์ ธนาคารกรุงเทพ เล่าว่า การจัดประกวดดนตรีไทย ประลองเพลง ประเลงมโหรี ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ วัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างถูกต้องตามแบบแผนที่สืบทอดจากโบราณาจารย์จนถึงปัจจุบัน

ที่สำคัญ เยาวชนที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ กิจกรรม “ประลองเพลง ประเลงมโหรี” จะได้มีโอกาสแสดงความสามารถให้คนในท้องถิ่นได้รับรู้ รวมถึงได้ฝึกฝนเพื่อพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านกิจกรรม “เสนาะเสียงมโหรี ฟังดนตรีในสวน” ที่ธนาคารได้จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 ด้วยการเปิดเวทีให้ได้ขยายผลต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว โดยปีนี้จะจัดขึ้น 5 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันศุกร์ที่ 9 มิ.ย. วงวชิราวุธ โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ในพระอุปถัมภ์ ณ ถนนคนเดินสงขลาแต่แรก จ.สงขลา ครั้งที่ 2 วันเสาร์ที่ 10 มิ.ย. วงศรีอินทนิล โรงเรียนทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ เฉลิมพระชนมพรรษา อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

ศูนย์สังคีตศิลป์ ภูมิคุ้มกันวัฒนธรรมไทย ธัญฑิกา โพธิสมภรณ์

ครั้งที่ 3 วันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. วงพรพนรัตน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ณ อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 4 วันเสาร์ที่ 24 มิ.ย. วงเทพมงคลรังษี โรงเรียนวิสุทธรังษี ณ ถนนคนเดินปากแพรก จ.กาญจนบุรี ครั้งที่ 5 วันศุกร์ที่ 21 ก.ค. วงศรีสุริโยทัย โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ณ อาคารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร

น.ส.ธัญฑิกา กล่าวว่า ไม่เพียงแค่กิจกรรมประกวดหรือการแสดงเท่านั้น แต่ศูนย์สังคีตศิลป์ฯ ค่อนข้างลงลึกและใส่ใจถึงรายละเอียดของการส่งเสริมศิลปะ นาฏศิลป์อย่างถึงแก่น ทุกปีจะมีการจัด “พิธีไหว้ครูดนตรีและนาฏศิลป์ไทย” ขึ้นที่สำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งงานที่ได้รับความสนใจจากทั้งบุคลากรในแวดวงดนตรีและนาฏศิลป์ไทย ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานนี้เป็นจำนวนมาก และในปีนี้มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 1 มิ.ย. 2560 โดยมีอาจารย์ไพฑูรย์ เข้มแข็ง ผู้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เป็นครูผู้ประกอบพิธี

ในแง่ของการจัดการคลังความรู้ ก็ยังมี “ห้องสมุดศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ” เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมไทย ทั้งด้านดนตรีไทย นาฏศิลป์ไทย และการแสดงพื้นบ้าน รวมกว่า 1.5 หมื่นเล่ม รวมถึงสื่อดิจิทัลที่บันทึกภาพและเสียงการแสดงนาฏดุริยางค์ประเภทต่างๆ และงานเสวนาเชิงวิชาการที่ศูนย์สังคีตศิลป์จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2522 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 1,300 ครั้ง ผู้สนใจสามารถใช้บริการห้องสมุดนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนตะนาว โดยเปิดให้บริการทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.

น.ส.ธัญฑิกา กล่าวเพิ่มเติมว่า วรรณกรรมไทยเป็นอีกหนึ่งสาขาของศิลปวัฒนธรรมไทยที่ธนาคารกรุงเทพให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะการสร้างสรรค์วรรณกรรมไทยเพื่อพัฒนาสู่การรับรู้ในระดับสากล อย่างรางวัลซีไรต์ หรือรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ที่ธนาคารให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 30 ปี รวมถึงการเชิญนักเขียนที่ได้รับรางวัลในแต่ละปีมาร่วมเสวนาเพื่อแบ่งปันแนวคิดและมุมมองที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารางวัลนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตัวในการสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมคุณภาพได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นเพื่อสนับสนุน “รางวัลชมนาด” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลวรรณกรรมเพื่อยกย่องนักเขียนสตรีไทยที่มีผลงานเขียนดีเด่น และสนับสนุนการแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้นักเขียนไทยมีโอกาสแสดงผลงานสู่ตลาดโลก และโครงการ “อ่าน เขียน เรียน รู้” เพื่อบ่มเพาะนักเขียนรุ่นใหม่อีกด้วย

ส่วนการสร้างสรรค์วรรณศิลป์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแขนงของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไทยนั้น ธนาคารได้จัดโครงการ “กวีปากกาทอง” เพื่อพัฒนาทักษะและสืบสานการประพันธ์บทร้อยกรอง ผ่านการจัดกิจกรรมเสวนาโดยให้กวีที่มีชื่อเสียง นำโดย ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ “อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” รวมถึงอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์และวรรณศิลป์ ออกไปถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การประพันธ์บทร้อยกรองให้แก่เยาวชนในทั้ง 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมทั้งเชิญชวนเยาวชนส่งผลงานเข้าร่วมประกวดด้วย ซึ่งมีเยาวชนให้ความสนใจส่งผลงานเข้ามาร่วมแล้วกว่า 2,000 คน

“เรื่องศิลปวัฒนธรรมกับธุรกิจธนาคารอาจจะดูไกลกัน แต่ธนาคารตระหนักเสมอว่า ศิลปะและวัฒนธรรมไทย คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสะท้อนความเป็นชาติไทย เพราะสังคมที่เข้มแข็งนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยืนอยู่บนรากฐานทางวัฒนธรรมที่แข็งแรง ไม่ต่างจากสถาบันการเงินที่มั่นคงก็ต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาจากลูกค้าเป็นสำคัญเช่นกัน จึงถือเป็นหนึ่งในนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมที่ธนาคารกรุงเทพมีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนและส่งเสริมมรดกอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงอยู่ต่อไป เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ทางธุรกิจของธนาคารกรุงเทพที่เป็นรูป “ดอกบัวหลวง” ที่แสดงออกถึงความเป็นไทยเช่นกัน” น.ส.
ธัญฑิกา กล่าว

ไม่เพียงความตั้งใจจริงที่จะอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน จนได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวางจากแวดวงดนตรีและนาฏศิลป์ไทยเท่านั้น แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้บริหารธนาคารที่เอาใจใส่ต่อการสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม มิให้เลือนหายไปกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกและเทคโนโลยี ทั้งเป็นวิสัยทัศน์ที่ “ล้ำสมัย” มาก่อนจะเกิดคำว่า “โลกาภิวัตน์” ด้วยซ้ำ

ข่าวล่าสุด

“วราวุธ” ไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้