posttoday

เมื่อยักษ์ค้าปลีกพ่ายแพ้ วิถีชาวบ้าน ‘ทุ่งหัวช้าง’

04 มิถุนายน 2560

58 กิโลเมตรจากแยก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ถนนตัดผ่านป่าและข้ามเขา ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นไม้ ทุ่งนา สวนลำไย

โดย...ธนก บังผล

58 กิโลเมตรจากแยก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ถนนตัดผ่านป่าและข้ามเขา ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยต้นไม้ ทุ่งนา สวนลำไย ก่อนเข้าสู่พื้นที่ไกลปืนเที่ยง อ.ทุ่งหัวช้าง

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ชาวบ้านตื่นเต้นกับการมาถึงของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ที่ทำให้อำเภอเล็กๆ สุดเขตจังหวัดลำพูนแห่งนี้มีร้านค้าปลีกบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็แฝงความหวาดหวั่นว่าร้านของชำ หรือ “โชห่วย” ในหมู่บ้านจะต้องปิดตัวถูกกลืนหายไป ดั่งเช่นที่ยักษ์ใหญ่เคยรุกรานมาแล้วในหลายพื้นที่

ตรอกกว้างซอยใหญ่ในเมืองหลวงการมีร้านสะดวกซื้อยี่ห้อนี้อยู่ติดๆ กัน 2-3 สาขาไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นภาพการรื้อป้ายปิดกิจการของร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่แห่งเดียวใน อ.ทุ่งหัวช้าง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก 

ในระหว่างที่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 4 คูหา กำลังถูกเก็บกวาด มีเพียงตู้แช่ ที่วางสินค้า และเคาน์เตอร์คิดเงิน เป็นร่องรอยที่พอจะทิ้งไว้ว่าครั้งหนึ่งที่นี่คือร้านสะดวกซื้อชื่อดัง

“สาเหตุที่ต้องปิดกิจการเนื่องจากทางบริษัทหมดสัญญาเช่าอาคารเท่านั้นเอง ผมก็แปลกใจที่ทำไมเรื่องนี้ถึงมีการพูดถึงกันมาก ทั้งๆ ที่เราเองก็เคยปิดกิจการในสาขาอื่นๆ มาก่อน” พนักงานในร้านให้ข้อมูล

นอกจากเรื่องหมดสัญญาเช่าอาคาร 4 คูหาแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เซเว่นฯ แห่งเดียวใน อ.ทุ่งหัวช้าง ไม่สามารถเปิดให้บริการต่อไปได้ คือเหตุผลทางธุรกิจ

เมื่อยักษ์ค้าปลีกพ่ายแพ้ วิถีชาวบ้าน ‘ทุ่งหัวช้าง’ ศิริชัย ยศปกรณ์

“ถ้าคุณขับรถมาจาก จ.เชียงใหม่ คุณสามารถนับได้เลยว่าระหว่างขับมานั้นมีรถยนต์สวนคุณไปกี่คัน ที่นี่ 2 ทุ่มก็ไม่มีรถวิ่งแล้ว ผมเคยนั่งนับทั้งวันมีรถยนต์วิ่งแค่ 3 คัน บางทีครึ่งชั่วโมงถึงจะผ่านมาสักคัน”

นอกจากนี้ เขามองพฤติกรรมผู้บริโภคของชาวบ้านใน อ.ทุ่งหัวช้าง ว่ามีวิถีชีวิตแตกต่างจากที่อื่น มีทั้งกลุ่มชนเผ่าที่ไม่เร่งรีบ และส่วนมากเป็นผู้ที่ไม่มีกำลังซื้อด้วยเงินสด

“ร้านโชห่วยแถวนี้ที่อยู่ได้เพราะให้แปะได้ มีเงินเมื่อไหร่ก็ค่อยมาจ่าย ซื้อของร้านที่เซ็นได้ เพราะเป็นคนในพื้นที่รู้จักกัน ซึ่งเมื่อประกอบกับวิถีชีวิตของชาวบ้านแล้ว ผมคิดว่าร้านสะดวกซื้อของเราไม่ตอบโจทย์” พนักงานคนนี้ให้ความเห็น 

ด้านเจ้าของร้านจิรนันท์โมบาย ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านสะดวกซื้อยอมรับว่า การมีร้านเปิด 24 ชั่วโมงมาเปิดในพื้นที่ มีข้อเสียคือมักจะมีกลุ่มวัยรุ่นมารวมตัวกันดื่มสุราส่งเสียงดังสร้างความรำคาญเกือบทุกวัน โดยจะเริ่มตั้งแต่ 22.00 น. จนถึงตี 2 บางวันก็นำรถมาลองเครื่องเสียงจนไม่สามารถนอนหลับได้

“ตอนนี้จะปิดหรือไม่ปิดก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเรา เมื่อก่อนอาจจะสะดวกเวลาจะซื้อของตอนกลางคืน แต่โดยปกติแล้วคนแถวนี้ 1-2 ทุ่มก็ปิดบ้านนอนแล้ว” เจ้าของร้านจิรนันท์โมบาย กล่าว

ในขณะที่ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านซึ่งเปิดร้านขายอุปกรณ์การเกษตรไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อ บอกว่า ร้านสะดวกซื้อมีแต่คนหนุ่มๆ สาวๆ เป็นลูกค้า ส่วนคนแก่เข้าไปแล้วก็ไม่รู้จะซื้ออะไร

“เราเปิดร้านขายแบบนี้นิดๆ หน่อยๆ พออยู่ได้ แต่ร้านสะดวกซื้อต้องมียอดขายวันละหมื่น สำหรับที่นี่เป็นไปไม่ได้หรอก ลุงกับป้าอายุ 76 กับ 70 ปี กินหมาก กินเมี่ยง ร้านสะดวกซื้อก็ไม่มีขาย เลยไม่รู้จะเข้าไปซื้ออะไร คนบ้านนอกตื่นเช้ามาก็ไปไร่ ไปสวน จะมีหรือไม่มีร้านสะดวกซื้อก็สบายไปเรื่อยๆ ขอแค่ให้มีงานทำ ค้าขายนิดๆ หน่อยๆ พออยู่พอกิน กินแล้วก็นอนอย่างที่เห็น” ลุงกับป้าชาวบ้าน อ.ทุ่งหัวช้าง กล่าว

เมื่อยักษ์ค้าปลีกพ่ายแพ้ วิถีชาวบ้าน ‘ทุ่งหัวช้าง’ ร้านสะดวกซื้อที่ต้องปิดกิจการ

ด้าน ศิริชัย ยศปกรณ์ ข้าราชการบำนาญ เจ้าของร้านมินิมาร์ทในละแวกใกล้เคียง ยืนยันว่า สาเหตุที่ร้านสะดวกซื้อชื่อดังต้องปิดตัวไปส่วนหนึ่งเป็นเพราะความยากจนของชาวบ้าน

“คนที่นี่มีเงินก็ไม่กล้าซื้อของ เก็บเงินส่งลูกหลานเรียนอย่างเดียว เรียกว่าไม่ฟุ่มเฟือย ชาวบ้านมาบอกกับผมว่าอยากเข้าร้านสะดวกซื้อเหมือนกันแต่เงินไม่พอ ร้านผมนี่ขาด 1 บาท 2 บาท เราก็ให้ เป็นปกติของชาวบ้าน แต่เราก็พออยู่ได้” ศิริชัย กล่าว

ศิริชัย บอกว่า ลูกค้าร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ครูหรือสมาชิก อบต. แต่สำหรับชาวบ้านแล้ววิถีชีวิตที่ไม่ฟุ่มเฟือย และวัฒนธรรมการซื้อของแบบแปะก่อนจ่ายทีหลังเป็นที่นิยม จึงทำให้ร้านสะดวกซื้อขายได้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

หากเปรียบร้านสะดวกซื้อเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจค้าปลีกที่ร้านขายของชำและโชห่วยหวาดผวา ทุ่งหัวช้างโมเดลอาจไม่ใช่กรณีแจ็กผู้ฆ่ายักษ์ที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมการซื้อขายแบบอะลุ้มอล่วยที่เรียกว่า “เงินเชื่อหรือแปะโป้ง” ซึ่งเมื่อประกอบกับเหตุผลทางธุรกิจ ทำให้สรุปได้ว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา รายได้กับรายจ่าย “ไม่ตอบโจทย์” จนต้องปิดกิจการ

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568