posttoday

เร่งฟื้น เศรษฐกิจ ตุนคะแนนความนิยม

02 มิถุนายน 2560

ตลอดช่วงการบริหารบ้านเมือง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคสช. ลั่นวาจาไว้เสมอว่าจะคืนอำนาจและนำพาประเทศกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตย

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ตลอดช่วงการบริหารบ้านเมือง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลั่นวาจาไว้เสมอว่าจะคืนอำนาจและนำพาประเทศกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาโรดแมปเปลี่ยนถ่ายอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล คสช. ขยับเลื่อนออกไปหลายครั้ง จนกระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2560 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งทั่วไปน่าจะเกิดขึ้นประมาณกลางปี 2561 ขึ้นไป

นั่นหมายความว่าจากนี้ไปอีก 1 ปีเศษ จะเป็นช่วง “โค้งสุดท้าย” ที่ คสช.ครองอำนาจอยู่!

การบริหารประเทศ คสช.เดินหน้ามาแล้วกว่าครึ่งทาง หลังเข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 มาวันนี้ 3 ปีเศษแห่งการยึดอำนาจและกำลังย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ผลงานอันโดดเด่นที่ทุกค่ายสำนักโพล ประเมินจากเสียงประชาชนเทคะแนนเกือบเต็มร้อยให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่อง การรักษาสถานการณ์ความสงบเรียบร้อย เพราะไร้การชุมนุมประท้วงบนท้องถนน และปราศจากเหตุร้ายรุนแรงระเบิดกลางกรุงสะเทือนขวัญ

พร้อมๆ กับเสียงเชียร์ เรื่องการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจัดระเบียบและแก้ปัญหาประเทศในทุกด้าน อาทิ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง หรือความมั่นคง ด้วยการใช้อำนาจมาตรา 44 เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้รวดเร็วและลุล่วง

แต่ยกเว้นปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนที่รัฐบาล คสช.ไม่อาจใช้อำนาจมาตรา 44 แก้ได้ 

แม้ “บิ๊กตู่” ปรับทีมเศรษฐกิจยกชุดไปแล้วกี่รอบ ปรับ ครม.ไปแล้ว 4 ครั้ง แต่เสียงบ่นคร่ำครวญ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองที่ชาวบ้านยังคงบ่นระงมดังไปทั่วทุกหย่อมหญ้า สวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศว่า ดีวันดีคืน เพราะต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศคือ มนุษย์เงินเดือน ผู้ใช้แรงงาน ชาวไร่ ชาวนา และเกษตรกร ต่างประสบชะตากรรมเดียวกันคือ หนี้สินล้นพ้นตัว และรายได้ไม่พอกับรายจ่าย

แม้ว่า คสช.จะมีผลงานโดดเด่น เรื่อง การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ขจัดความขัดแย้งทางการเมือง และเข้มข้นในการกำจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นก็ไม่อาจกลบบาดแผลปัญหาเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะคนรากหญ้าที่ตอนนี้ประสบปัญหาความยากจนและหนี้สินรุมเร้า แนวทางการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วนยังไม่เข้าเป้า

จุดอ่อนทางการเมือง ตรงนี้ไม่ใช่ว่า “บิ๊กตู่” จะไม่รู้ตัว ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามอัดฉีดทั้งนโยบาย โครงการ และงบประมาณลงไปไม่อั้น ดังนั้น จึงเห็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในช่วงเข้าโค้ง ที่พยายามอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นชุดๆ มาอย่างต่อเนื่อง

อาทิ มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือแจกเงินคนจน ที่มีผู้ลงทะเบียนกว่า 8 ล้านราย ได้รับอานิสงส์เงินรายละ 1,500-3,000 บาท แจกเงินไปแล้วสองรอบใช้งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท พร้อมๆ กับเข็นมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวและมาตรการภาษี “ช็อปช่วยชาติ” ตามสโลแกน “กิน-ช็อป-เที่ยว” หวังกระตุ้นการบริโภคของประชาชน

รวมถึงยังออก “แพ็กเกจ” อัดฉีดเงินเข้าระบบตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง นับแสนล้านบาทให้แก่ท้องถิ่นตั้งแต่ระดับหมู่บ้านไปจนถึงจังหวัดผ่านโครงการประชารัฐ เช่น โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวประชารัฐหมู่บ้านละ 2 แสนบาท วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท และโครงการเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกองทุนละ 5 แสนบาท วงเงินรวม 3.5 หมื่นล้านบาท รวมถึงพยายามเร่งรัดโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่างๆ เม็ดเงินลงทุนนับล้านล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟทั้งทางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง โครงการท่าเรือ
น้ำลึก ถนน ทางด่วน ทางพิเศษ หรือโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 เป็นต้น

ยิ่งล่าสุดรัฐบาลเตรียมแจกและเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุคนละ 1,200-1,600 บาท จากเดิมได้รับรายละ 500 บาท โดยมีคนแก่ที่ขึ้นทะเบียนตั้งตารอรับเงินจากรัฐบาลเกือบ 5 ล้านคน แต่ก็ต้องยอมรับมาตรการเศรษฐกิจดังกล่าวยังไม่แรงพอฉุดกระชากเศรษฐกิจ เพราะปัจจัยลบภายนอกและภายในรุมเร้ารอบด้าน อาทิ ตัวเลขการส่งออกแผ่ว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกระทบรายได้เกษตรกร จนกลายเป็นตัวฉุดรั้งคะแนนนิยม คสช. เพราะปัญหาปากท้องคือ ปัจจัยลบที่สุด ที่กัดกร่อนคะแนนนิยมรัฐบาลมากที่สุด  

นับจากนี้ “บิ๊กตู่” ต้องลุยงานหนักมากกว่านี้ เพราะปัญหาเศรษฐกิจเป็นเดิมพันครั้งสำคัญที่จะค้ำบัลลังก์อำนาจ คสช.ไว้อยู่ได้หรือไม่

เพราะถ้ายังไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมาแก้ปัญหาปากท้องแบบโดนใจชาวบ้านได้ อนาคต “บิ๊กตู่” ต้องลุ้นหนักทั้งเรื่องอายุรัฐบาล คสช.ที่เหลืออยู่ปีเศษ คงไม่ราบรื่น

กระแสต้านจะถาโถมเข้ามามากมาย และถ้ายังเร่งเครื่องสร้างผลงานทางเศรษฐกิจไม่ “ปังๆ” ยิ่งในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ตามโรดแมป หลังการเลือกตั้งใหม่ชื่อ “บิ๊กตู่” คงไม่เกรียงไกรอีกต่อไป

การจะกลับมาเป็นนายกฯ คนต่อไป ตามเสียงกองเชียร์คงดับวูบลง เพราะชาวบ้านหมดคะแนนนิยมไปเสียแล้ว

ข่าวล่าสุด

กกต.ประกาศ ยอดผู้สมัครสส. 77 จังหวัด วันแรก จำนวน 3,092 คน