เด็กถูกข่มขืน เหยื่อ...ที่ไม่เกี่ยงอายุ

ข่าวข่มขืนที่ปรากฏเป็นข่าวทุกวันนี้ นับวันเหยื่อก็ยิ่งเด็กลง ที่น่าห่วงคือเยาวชนสมัยนี้ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงหรือต่างจังหวัด ล้วนแล้วแต่ถูกสิ่งเร้าครอบงำ....

โดย...ธนก บังผล

เคราะห์หามยามซวยไม่เข้าใครออกใคร ไม่ต้องอาศัยบรรยากาศ ไม่ต้องพึ่งพาความโรแมนติก มีแค่ “คนหื่นกาม” อย่างเดียว อนาคตของสาวๆ ก็สามารถดับวูบได้ทั้งชีวิต

และที่มันยิ่งซ้ำเติมความเสื่อมโทรมให้มืดลงทุกที ก็เนื่องมาจากว่า “เหยื่อ” ผู้ถูกกระทำนั้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่า “ผู้ต้องหา” เองช่วงอายุก็ลดลงมาอยู่ในช่วงเยาวชนมากขึ้น

ด้วยสภาพทางเศรษฐกิจสังคมที่ทุกชีวิตต้องเอาตัวรอด รายได้ไม่พอยาไส้ การอบรมสั่งสอนดูแลจึงเข้าไม่ถึงลูกหลานเท่าที่ควร และแม้ว่าจะพยายามฟูมฟักเป็นอย่างดี แต่ของอย่างนี้ไม่ต้องใช้ตัวช่วย สบโอกาสเมื่อไหร่ ภัยจากการถูกข่มขืนเข้าระยะประชิดตัวทันที

ดูอย่างที่ จ.ตราด อยู่ดีๆ เด็กหญิงอายุแค่13 ปี ก็ถูกพาเข้าโรงแรมไปข่มขืนหน้าตาเฉย ร้อนถึงพ่อของเหยื่อต้องรีบแจ้นไปแจ้งความที่สถานีตำรวจให้ช่วยตามตัวลูกสาวออกมาจากม่านรูด

เมื่อตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุก็เจอ ธรรมจักร ค่ำยัง อายุ 28 ปี พร้อมเด็กสาวอยู่ในห้องเรียบร้อยโรงเรียนหื่นเสียแล้ว ผู้ต้องหาพร้อมของกลางจะจะ ไม่รับสารภาพก็คงโทษหนัก แต่มันรับแค่ครึ่งเดียว เพราะอ้างว่าเด็กสาวเต็มใจ ไม่ได้บังคับข่มขืน

สอบสวนทราบว่า ประมาณ 3 ทุ่ม พ่อของเด็กสาวโทรศัพท์ตามให้กลับบ้าน เพราะไปขายไอศกรีมอยู่ที่งานวัดแหลมกลัดด้วยกัน ระหว่างทางเมื่อมาถึงบ้านท่าพริก รถเกิดยางรั่ว เลยค่อยๆ จูงรถมาเรื่อยๆ...จนถึงโรงแรมบังกะโลเนินทรายฮอลิเดย์

พล็อตเรื่องราวเหมือนจะอ่านมาจากหนัง เพราะทั้งคู่นั่งโบกรถอยู่จน 4 ทุ่มครึ่ง เธอและเขาจึงตัดสินใจเข็นรถเข้าไปในโรงแรมและเปิดห้องนอนด้วยกัน เพียงแต่เรื่องนี้จบไม่สวย เพราะมีตำรวจตามมาจับกุมตัว

ถามไถ่เด็กสาวกลับบอกว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริงมัน (ธรรมจักร) ใช้กำลังบังคับด้วยการชกท้องและบีบคอ แล้วลงมือจัดการข่มขืนไป 2 ครั้งกว่าตำรวจจะมาถึงก็ปาไปเกือบๆ ตี 3 แล้วจะไปเหลืออะไร

เลยต้องมีการส่งเหยื่อไปตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีในศาลต่อไป โดยได้แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์อายุ 13 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่ออนาจารและบังคับข่มขืนต่อไป

อธิบายทางข้อกฎหมายเข้าใจง่ายๆ คือ ข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โทษหนัก ยิ่งเหยื่ออายุน้อยลงไปเท่าไหร่ เวลาที่จะได้ใช้ชีวิตในคุกก็ยาวไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าเหยื่อจะอายุเท่าไรก็ตาม หากแม้ไม่ใช่ภรรยาของตนเองก็ติดคุกเหมือนกัน หรือแม้แต่เป็นภรรยาของเรา แต่ไปใช้กำลังบังคับข่มขืนก็มีสิทธิถูกดำเนินคดี

แต่เหตุคดีไหนก็ไม่แสดงให้เห็นความเสื่อมโทรมทั้งสังคมและจิตใจได้มากเท่ากับเด็กชายใน จ.อุดรธานี อายุแค่ 14 ปี ริเป็นอาชญากรก่อเหตุข่มขืนเด็กน้อยอายุ 5 ขวบ

เด็กสาวครอบครัวแตกแยก พ่อแม่เลิกกันเลยต้องอาศัยอยู่กับย่ามาตั้งแต่เกิด แต่ในวันที่เกิดเหตุช่วงเช้าย่าไม่สบายเลยนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน เด็กสาวปั่นจักรยานเล่นอยู่หน้าบ้าน จนกระทั่งช่วงเที่ยงได้ยินเด็กชายผู้ก่อเหตุมาชวนหลานสาวไปซื้อขนมที่ร้านขายของชำ แต่เมื่อล่วงเลยไปนานผิดสังเกต เลยขอให้เพื่อนบ้านช่วยกันออกตามหา แต่ก็ไม่เจอ

ผ่านไป 2 ชั่วโมง เด็กสาวจูงรถจักรยานกลับบ้าน สีหน้าตื่นตระหนก ตัวสั่น เมื่อเอ่ยปากถามเด็กสาวก็ร้องไห้ด้วยความกลัว และบอกว่าถูกผู้ก่อเหตุพาไปป่าละเมาะหลังหมู่บ้านแล้วข่มขืน เด็กชายยังเหิมเกริมเลยเถิดออกปากขู่ว่า “ห้ามบอกใคร ถ้าไม่เชื่อจะฆ่าทิ้ง”

เมื่อแจ้งความให้ตำรวจไปตามตัวเด็กชาย ก็พบว่ากำลังนอนเล่นอยู่ที่บ้าน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธร อ.เมือง อุดรธานี เด็กชายคนนี้ก็สารภาพว่าทำจริง

แต่ชีวิตและสภาพแวดล้อมของเด็กคนนี้ก็เลวร้าย เรียนอยู่ชั้น ม.1 อาศัยอยู่กับยาย คบเพื่อนเกเร พากันดมกาว เสพกัญชา เที่ยวกลางคืน และดูหนังโป๊ ครบสูตรเป๊ะ โดยก่อนเกิดเหตุได้ดมกาวไปด้วย ดูหนังโป๊ไปด้วยจนอารมณ์คึกสุดๆ พอออกจากบ้านมาก็เจอเด็กน้อยกำลังปั่นจักรยาน เลยหลอกว่าจะพาไปซื้อขนม ก่อนจะใช้กำลังข่มขืน

ข่าวข่มขืนที่ปรากฏเป็นข่าวทุกวันนี้ ยิ่งเห็นยิ่งอนาถใจ เพราะนับวันเหยื่อก็ยิ่งเด็กลง และขยับมาเป็นคนใกล้ตัวขึ้นเรื่อยๆ ที่น่าห่วงคือเยาวชนสมัยนี้ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงหรือต่างจังหวัด ล้วนแล้วแต่ถูกสิ่งเร้าครอบงำ

เมื่อว่างจัด ไม่เรียนหนังสือ ก็ตั้งแก๊งชิงทรัพย์ ลัก ปล้น ฆ่า ส่วนที่เรียนหนังสือบ้างก็ยกพวกตีกัน บ้างก็มั่วสุมเสพยา ก่ออาชญากรรมไม่เว้นแต่ละวัน โดยไม่ตระหนักรู้เลยว่าจุดจบของเส้นทางที่ใช้ชีวิตโดยไร้ประโยชน์สายนี้อายุไม่ยืนสักคน!!!