ราตรี มานพพงศ์ ธุรกิจเริ่มต้นที่ความรู้จริง

โดย...ปอย ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

นักธุรกิจลุคแฟชั่นนิสต้าแต่งตัวแบรนด์เนมจัดเต็มหัวจรดเท้า ราตรี มานพพงศ์ ในวงสังคมรู้จักกันดีกับการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านแว่นตา เอ็น คันไซ (N.Kanzai) ภาพลักษณ์เปรี้ยวปรี๊ดการันตีได้กับแว่นตาแฟชั่นหลากหลายแบรนด์ ใครเข้ามาช็อปแว่นร้านนี้เป็นต้องได้แว่นตาเก๋ไก๋กลับไปแน่นอน ล่าสุด โชว์ความเป็นกูรูเรื่องแว่นแบรนด์เนม ร้านคันไซเพิ่งจัดงาน Trunk Show นำคอลเลกชั่นแว่นตาล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำของโลกจัดโชว์ในร้าน ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เมื่อเร็วๆ นี้

เบื้องหน้าร้านตัวแทนจำหน่ายแว่นตาหรูหราไฮแบรนด์ แต่ถ้าย้อนไปเล่าเบื้องหลังกว่าจะถึงวันนี้ ราตรี หรือชื่อที่รู้จักกันดีในวงการเซเลบ “น้ำ-คันไซ” บอกกว่าจะปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนซื้อแว่นราคาหลักหมื่นบาทได้ฉลุยเคยผ่านภาพหกล้มหกลุกคลุกคลานมาตั้งแต่เปิดร้านแรกที่สยามสแควร์

ในวันเริ่มเปิดร้านเดือนแรกขายได้เพียงแค่กล่องแว่น ขายแว่นไม่ได้เลยสักอันเดียว แล้วการก้าวสู่ธุรกิจนี้ก็ไม่ใช่ความรักอีกด้วย แต่เป็นการส่งมอบธุรกิจของครอบครัวที่ปฏิเสธไม่ได้

สานกิจการของครอบครัว...ไม่สนุก

นักธุรกิจนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายแว่นแบรนด์เนม วันนี้มาในลุคเปรี้ยวเท่เสื้อฮู้ดดี้แนวไฮสตรีท แบรนด์แว็ตมองต์ สร้างความเป็นตัวแม่ในการแต่งตัวเพิ่มแอกเซสซอรี่ชาแนลห้อยคอเก๋ๆ ราตรี บอกว่ารักการแต่งตัวมากบอกเลยเป็นสายแมททีเรียลเกิร์ล ใฝ่ฝันอยากเป็นดีไซเนอร์จึงเลือกไปร่ำเรียนที่สถาบันแฟชั่นชื่อดังในลอนดอน แต่กลับไม่ถูกโฉลกกับการเรียนที่นั่นเอาเสียเลย กอปรกับครอบครัวเรียกตัวกลับจากอังกฤษ เพื่อเปิดร้านแว่นตาที่สยามสแควร์ ธุรกิจนี้จึงเริ่มต้นขึ้นอย่างขลุกขลัก

“พี่ชายเปิดร้านลงทุนให้ด้วยเงิน 7 หลักเลยนะคะ ซึ่งเมื่อยี่สิบปีก่อนถือว่าเยอะ เดือนแรกขายแว่นไม่ได้สักอันเดียว นอนร้องไห้ทุกวัน เงินขนาดนี้เราถอยไม่ได้ต้องสู้ ท้อมาก แต่ก็ต้องออกไปดูแลร้าน แล้วความที่ดิฉันชอบแต่งตัว ทุกๆ วันออกไปทำงานก็ปลุกพลังแต่งตัวให้มันที่สุด ลูกค้าก็จำได้ ใช้หลัก เราก็ต้องจดจำลูกค้าของเราทุกคนให้ได้เช่นเดียวกัน มีสัมมาคารวะอ่อนน้อมถ่อมตน ไปลามาไหว้

คนเข้ามาร้านคันไซน่ารักนิสัยดีทุกคนนะคะ แต่ก็อาจอารมณ์เสียในบางวันที่อาจเจอรถติดบ้าง อากาศร้อนอะไรบ้าง ดิฉันเคยเลือกแว่นให้เขาโยนใส่เลย เขาไม่รู้ว่าเราเป็นเจ้าของร้านด้วย ไม่ชอบค่ะ ไม่สวยหน้าบึ้ง แต่เราก็ต้องยิ้มรับ ค่ะ เดี๋ยวน้ำหาให้ใหม่นะคะ ธุรกิจนี้คลุกคลีอยู่กับแฟชั่น อยู่กับของสวยงาม เดี๋ยวเขาก็อารมณ์ดีค่ะ

ดิฉันนำวิธีนี้มาสอนลูกน้องในการผ่านอุปสรรค เราต้องเอาชนะให้ได้ ซึ่งเมื่อไรที่เราได้เงินกลับมา นั่นคือความสำเร็จของงานชิ้นนั้นได้แล้ว วันนั้นได้เงินมา 3 หมื่นบาท ดีใจมาก ใช้ความใส่ใจอย่างเดียวค่ะ แล้วที่สำคัญราคาต้อง Reasonable price เฟ้นหาของราคาดีๆ คุณภาพดีให้ทุกคน ถ้าทำได้อย่างนี้เขากลับมาหาเราแน่นอนค่ะ” ราตรี บอกพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งถ้าไม่ได้พูดคุยกัน จะไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของร้านแว่นหรูหราที่ให้ความเป็นกันเองมาก

“ความสำเร็จมาพร้อมกับความเหลิงนี่คืออีกเรื่องที่เราสอนลูกน้อง จากปีแรกใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ ร้านคันไซเริ่มเป็นที่รู้จัก พูดได้ค่ะว่าดังแล้ว ดิฉันไปร้านบ้างไม่ไปบ้าง ธุรกิจค้าปลีกที่มีคู่แข่งไม่น้อย แล้วเวลายอดขายหล่น หล่นแล้วดึงขึ้นมายากมากนะคะ อย่างน้อย 2 ปี เท่ากับเวลาสร้างขึ้นมาที่ใช้เวลา 2 ปีเช่นกัน โชคดีที่เวลานั้นเรายังกลับตัวทันที่หลงตัวเองว่าเราดังแล้ว สร้างทีมลูกน้องมาดีแล้ว แต่ธุรกิจที่เน้นเรื่องงานบริการ และความใส่ใจ ไม่มีใครทำได้ดีเท่าเจ้าของหรอกค่ะ

การสานกิจการของครอบครัวไม่สนุกเท่าไรหรอกค่ะ (บอกด้วยรอยยิ้ม) อากงดิฉันเป็นนายกสมาคมแว่นตาแห่งประเทศไทย อาเจ็กก็ทำธุรกิจแว่นตาเจ้าใหญ่ในราชเทวี และประตูน้ำ ซึ่งจัดเป็นแหล่งค้าแว่นใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่เวลานี้ก็พลัดหายกระจัดกระจายขึ้นห้างสรรพสินค้ากันไปหมดแล้ว ลูกหลานส่วนใหญ่ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ไม่มีใครอยากมาสานต่อธุรกิจนี้

ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่โดนบังคับ (หัวเราะ) จึงจำเป็นต้องทำค่ะ เราชอบพูดชอบคุย ดิฉันสายวัดเข้าวัดเข้าวาทำบุญก็ปลูกฝังนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ร้านที่สยามก็มีเด็กนักศึกษามาซื้อแว่นสายตากันเยอะมาก เด็กมีเงินไม่กี่พันแต่ราคาแว่นหลายพันบาท ดิฉันก็ขายให้เท่าที่เขามีสตางค์ แล้วพี่ชายเห็นคุณสมบัติดิฉันยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนมีอารมณ์ขันตลกเฮฮา เข้ากับคนง่าย น่าจะมีลูกค้าติดเราได้ไม่ยาก”  

ธุรกิจแว่นตาวันนี้ในมือยังบลัด

เติบโตมากับธุรกิจแว่นตา แต่เป็นเรื่องไกลตัวมาตลอดเพราะชอบทางด้านแฟชั่นมากกว่า แต่เมื่อเป็นธุรกิจครอบครัวการเข้ามารับไม้ต่อ แม้จะเรียกว่าตกกระไดพลอยโจน ก็ต้องทำให้จริงจัง ราตรี บอกการมีรสนิยมแฟชั่นก็ช่วยได้ เพราะการไปเลือกแว่นจากทั่วโลกก็ได้แบรนด์เนมที่คนรักแฟชั่นคลั่งไคล้

“ดิฉันเลือกแว่นตาแฟชั่นเข้ามาค่ะ แว่นสไตล์แปลกผ่านมือดิฉันมาทั้งนั้น เช่น คาเรน วอล์คเกอร์, เพอร์ซี่, คัตเลอร์ แอนด์ กรอสส์ หรือซูเปอร์ ใช้แบรนด์ดังจากต่างประเทศต่อยอดธุรกิจค่ะ จากรุ่นอากงขายแว่นสายตา 800-900 บาท ก็ทำให้ลูกหลานไม่อยากเข้ามาทำนะคะ ดิฉันเลือกดิสทริบิวเตอร์เปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ เพราะเชื่อว่าแว่นตาคือแฟชั่นที่ไม่มีแบรนด์ใดครองความคลาสสิก

จากดีไซน์ที่ยุโรป สหรัฐ ครองตลาด กลายเป็นว่าตอนนี้แว่นตาจากเอเชียมาแรงมาก คือเกาหลี แบรนด์สายเลือดกิมจิที่มาแรงมากในกลุ่มคนใส่แว่นตาแฟชั่น คือ วีซัน แว่นเมดอินโคเรียน่าภูมิใจ ดีไซเนอร์อายุยังน้อยเป็นลูกครึ่งเกาหลีฝรั่งเศส ไปร่ำเรียนทางด้านการดีไซน์แว่นมาโดยตรงเลย

อีกแบรนด์ที่แนะนำคือ เจนเทิล มอนสเตอร์ แว่นตาสัญชาติเกาหลี ผู้ก่อตั้งแบรนด์เป็นดีไซเนอร์เช่นกันค่ะ จึงออกแบบแว่นตาที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นทุกรุ่น ดิฉันไปเจอแบรนด์เหล่านี้ที่เขาไป Trunk Show ที่ปารีส สู้กับแบรนด์ฝรั่งได้เลย

แว่นตาต้องฟิตติ้งให้เข้ากับรูปหน้า เหมือนกับเสื้อผ้าค่ะ ที่เราต้องเลือกให้เข้ากับรูปร่าง แว่นจากฝั่งยุโรปหรืออเมริกาก็ตัดออกมาให้เข้ากับรูปหน้าฝรั่ง แต่แว่นเอเชียก็จะเข้ากับใบหน้าพวกเราได้ดีกว่า ถ้าซื้อแว่นแล้วตกจมูกไม่กระชับก็คือหลวมค่ะ ถ้าอยากได้จริงๆ ก็ต้องให้ช่างในร้านดัด บางอันต้องดัดด้วยความร้อนค่ะ ซึ่งช่างก็ต้องร่ำเรียนมาทางนี้โดยตรงนะคะ ดิฉันก็ได้ช่างเก่าแก่ที่อยู่กับร้านอากงมาช่วย ดิฉันก็ศึกษาทางนี้มากว่าสองปีที่เริ่มต้นทำเลยค่ะ แม้ไม่ชอบแต่ถ้าเรารับทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”

จากร้านใหม่ขายได้แค่กล่องแว่นตาที่สยามสแควร์ กระทั่งร้านติดตลาดด้วยการเอาใจใส่ให้รู้จริง การค้าปลีกต้องมีหัวใจบริการ ร้านแรกยืนยาวมากว่า 20 ปี ก็พิสูจน์ความจริงจังได้แล้ว

“ครอบครัวคนจีนไม่มีทางค่ะที่จะให้ลูกหลานอยู่เฉยๆ ส่งให้เรียนเมืองนอกเมืองนาก็ต้องกลับมาทำงาน ไม่ชอบก็ต้องทำ ดิฉันจำได้ค่ะเราค้าส่งด้วยตามร้านแว่นต่างๆ แล้วธุรกิจวงการนี้เขาไม่ได้สนใจคุณหรอกค่ะว่าลูกใครหลานใคร อากงเป็นนายกสมาคมแว่นตา ดิฉันนำเสนอแว่นตายี่ห้อใหม่ให้ร้านย่านราชเวที ประตูน้ำ ก็ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงๆ ให้อาเจ๊ อาเฮีย ทั้งหลายเคลียร์หน้าร้านหลังร้านให้เสร็จก่อน แบกกล่องแว่น 3-4 กิโลกรัมไปรอสิคะ ซึ่งเป็นการฝึกความอดทนให้ลูกหลาน

เมื่อมาเปิดร้านหรูบนห้าง ดิ เอ็มควอเทียร์ คุณสมบัติพวกนี้ก็ต้องอยู่ครบค่ะ ส่วนกลยุทธ์ธุรกิจควรเพิ่มเติมความแปลกใหม่เข้ามาเรื่อยๆ นอกจากแว่นเอเชียใหม่ๆ ราคาสบายๆ แว่นตาแบรนด์ลักซ์ชัวรี่ เช่น กุชชี่, บอตเตก้า เวเนต้า, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ แบรนด์เหล่านี้เลือกร้านค้ามากแล้วยิ่งเป็นแว่นรันเวย์ก็สร้างความตื่นเต้นในบรรดาแฟชั่นนิสต้าด้วยค่ะ”

แว่นซิกเนเจอร์ทั้งสามแบรนด์เผยโฉมในงาน Trunk Show ซึ่งจัดขึ้นในร้านเมื่อเร็วๆ นี้ ราตรี ย้ำบอกทิ้งท้ายไว้ว่าไม่แค่ความหวือหวาฉาบฉวย แต่วันนี้การทำให้คนตัดสินใจเลือกแว่นในราคา 6 หลักได้ ธุรกิจนี้เริ่มต้นต้องรู้จริงเท่านั้น