posttoday

ของฝากจากมุมไบ (8)

02 พฤษภาคม 2560

โดย...นพ.วิชัย  โชควิวัฒนขอกลับไปที่มุมไบอีกครั้ง โรงงานวัคซีนที่ปูเนเป็นโลกของ 4.0 แต่เรื่องที่มุมไบที่จะกล่าวถึงเป็นเรื่องของโลก 1.0-2.0 คือ เรื่องของปิ่นโตข้าวชาวมุมไบคนให้บริการรับส่งปิ่นโตข้าว ภาษาฮินดี เรียกว่า ทัปปาวาลา (Dabbawala) หรือทัปปาวัลลา (Dabbawalla) หรือทัปปาวัลลาห์ (Dabbawallah) ทัปปา คือ ปิ่นโต (Tiffin) วาลา หรือวัลลา คือ คนให้บริการ คำแปลเอาความของทัปปาวาลา คือ คนรับส่งปิ่นโตเรื่องราวของคนรับส่งปิ่นโตมุมไบ เริ่มเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ในหนังสือชื่อ “บรรดาครูของการจัดการด้านการขนส่ง” (Masters of Supply Chain Management) ดร.ภวัน จี อัครวัล (Pawan G Agrawal) ผู้เขียนซึ่งทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่องนี้ เล่าว่า บุคคลแรกที่เริ่มความคิดนี้ คือ นายธนาคารชาวปาร์ซี ซึ่งมีบ้านอยู่ที่ใกล้เมืองปูเน จ้างเด็กหนุ่มคนหนึ่งหิ้วปิ่นโตจากบ้านใกล้เมืองปูเนไปส่งที่ธนาคารในมุมไบเป็นประจำ จากนั้นกิจการได้ค่อยๆ ขยายตัวออกไปเริ่มจากมหาทีโอ ฮาวาจี ภัชเช (Mahadeo Havaji Bacche) ริเริ่มกิจการนี้ในมุมไบ เมื่อปี 2443 ด้วยพนักงานราวร้อยคนต่อมาเมื่อกิจการขยายออกไปมาก ได้มีการรวมตัวกัน ก่อตั้งเป็นสหภาพในปี 2

โดย...นพ.วิชัย  โชควิวัฒน

ขอกลับไปที่มุมไบอีกครั้ง โรงงานวัคซีนที่ปูเนเป็นโลกของ 4.0 แต่เรื่องที่มุมไบที่จะกล่าวถึงเป็นเรื่องของโลก 1.0-2.0 คือ เรื่องของปิ่นโตข้าวชาวมุมไบ

คนให้บริการรับส่งปิ่นโตข้าว ภาษาฮินดี เรียกว่า ทัปปาวาลา (Dabbawala) หรือทัปปาวัลลา (Dabbawalla) หรือทัปปาวัลลาห์ (Dabbawallah) ทัปปา คือ ปิ่นโต (Tiffin) วาลา หรือวัลลา คือ คนให้บริการ คำแปลเอาความของทัปปาวาลา คือ คนรับส่งปิ่นโต

เรื่องราวของคนรับส่งปิ่นโตมุมไบ เริ่มเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ในหนังสือชื่อ “บรรดาครูของการจัดการด้านการขนส่ง” (Masters of Supply Chain Management) ดร.ภวัน จี อัครวัล (Pawan G Agrawal) ผู้เขียนซึ่งทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่องนี้ เล่าว่า บุคคลแรกที่เริ่มความคิดนี้ คือ นายธนาคารชาวปาร์ซี ซึ่งมีบ้านอยู่ที่ใกล้เมืองปูเน จ้างเด็กหนุ่มคนหนึ่งหิ้วปิ่นโตจากบ้านใกล้เมืองปูเนไปส่งที่ธนาคารในมุมไบเป็นประจำ จากนั้นกิจการได้ค่อยๆ ขยายตัวออกไป

เริ่มจากมหาทีโอ ฮาวาจี ภัชเช (Mahadeo Havaji Bacche) ริเริ่มกิจการนี้ในมุมไบ เมื่อปี 2443 ด้วยพนักงานราวร้อยคนต่อมาเมื่อกิจการขยายออกไปมาก ได้มีการรวมตัวกัน ก่อตั้งเป็นสหภาพในปี 2473 และในปี 2499 ได้จัดตั้งเป็นองค์กรการกุศลชื่อมูลนิธิรับส่งปิ่นโตนูทานมุมไบ (Nutan Mumbai Tiffin Box Suppliers Trust) มีหน่วยธุรกิจของมูลนิธิคือสมาคมรับส่งปิ่นโตมุมไบ (Mumbai Tiffin Box Supplier’s Association) จดทะเบียนเมื่อปี 2511 ประธาน บริษัทคนปัจจุบันคือ รฆุนาถ เมดเก (Rughunath Medge)

“กองทัพ” รับส่งปิ่นโตในมุมไบปัจจุบันมีราว 5,000 คน รับส่งปิ่นโต วันละราว 1.75-2 แสนเถา จากบ้านนอกเมืองของพนักงานไปส่งให้ ณ ที่ทำงาน ซึ่งเป็นสำนักงานในนครมุมไบ พนักงานเหล่านี้ส่วนมาก เดินทางจากนอกเมืองโดยรถไฟแต่เช้า หรือเช้ามืดเข้าไปทำงานในเมือง แล้วเดินทางกลับตอนค่ำ ไม่นิยมไปกินอาหารตามร้าน หรือสั่งอาหารมากิน ในที่ทำงาน ด้วยเหตุผลหลากหลาย ได้แก่ (1) หลายคนต้องกินอาหารเคร่งครัดตามความเชื่อทางศาสนา เช่น พวกเชน อิสลาม หรือปาร์ซี (2) ต้องการรสชาติอาหารถูกปากจากทางบ้าน และ (3) เพื่อการประหยัด

พนักงานเหล่านี้ต้องออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้าหรือเช้ามืด แม่บ้านไม่สามารถทำอาหารให้หิ้วติดมือไปกินได้ทัน หรือถ้าทันก็อาจได้ไปจำนวนจำกัด ยุ่งยากในการหอบหิ้วเบียดเสียดกันไปในรถไฟ และต้องเมื่อยล้าจากการหิ้วปิ่นโต ข้อสำคัญทำให้ชีวิตยามเช้าต้องเร่งรีบขึ้นอีกมาก

ปัจจุบันแม้วิถีชีวิตจะเปลี่ยนไป ไม่น้อย เช่น มีโรงงานอุตสาหกรรมไปตั้งใกล้บ้าน แต่จำนวนก็ยังไม่มากและมีร้านค้าที่มีกิจการส่งอาหารให้ถึง ที่ทำงาน (Delivery) แต่กิจการรับส่งปิ่นโตจากบ้านนอกเมืองก็ยังคงดำรงอยู่อย่างมั่นคง และยังมีอัตราการเติบโตขยายตัวขึ้นด้วย

สาเหตุของความเข้มแข็งมั่นคงของกิจการนี้ ที่สำคัญเพราะเป็นกิจการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงยิ่ง คุณภาพสูงเพราะปิ่นโตจะถูกขนจากบ้านสู่ที่ทำงาน และรับปิ่นโตเปล่ากลับถึงบ้านทุกวันโดยแทบไม่มีการผิดพลาดเลยจากทุกบ้านและตลอดปี

นอกจากคุณภาพของบริการแล้วก็คือประสิทธิภาพ เพราะค่าบริการเฉลี่ยเพียงเดือนละ 350-400 บาทเท่านั้น ขณะที่พนักงานรับส่งจะมีรายได้ประมาณเดือนละ 8000 รูปี (หรือราว 4,000-5,000 บาท) โดยแต่ละคนจะ รับผิดชอบส่งปิ่นโตราว 30-40 เถา

ทุกเช้าพนักงานรับส่งปิ่นโตจะไปรับปิ่นโตจากแต่ละบ้านลำเลียงไปขึ้นรถไฟ โดยอาจต้องมีการขนถ่ายใส่กระบะไม้เทินบนศีรษะ เปลี่ยนขบวนรถเข้าไปมุมไบ แล้วลำเลียงไปให้พนักงานรายคนตามที่ทำงาน จากนั้นจะรับปิ่นโตเปล่ากลับไปส่งบ้านของแต่ละคน พนักงานจะมีเวลากินอาหารในปิ่นโตของตัวเองบนรถไฟเที่ยวกลับในเวลาราวบ่าย 3 โมง ซึ่งเวลานั้นอาหารก็มักจะเย็นชืดแล้ว

การลำเลียงภาคพื้นดินโดยมาก ใช้จักรยานหรือรถเข็น เพราะสามารถลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยแคบๆ ได้ สามารถขนได้ทีละนับสิบเถา โดยประหยัดค่าพลังงาน มีบ้างที่ใช้มอเตอร์ไซค์แต่น้อยมาก

มีงานการศึกษาหลายชิ้น ศึกษาปัจจัยความสำเร็จของกิจการนี้ ดร.ภวัน จี อัครวัล (Pawan G Agrawal) ซึ่งทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่องนี้ เมื่อปี 2553 ณ มหาวิทยาลัยเปิดยัชวันตราว ชวัน แห่งรัฐมหาราษฎระ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของ “สถาบันการจัดการและเทคโนโลยีอัครรัล” (Agrawal Institute of Management and Technology) อัครวัลสรุปปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จว่าคือ ปัจจัยเรื่องคน

คนที่ทำงานนี้เขาทำด้วย “ความรัก ความรับผิดชอบ อุทิศตน ละเอียดลออ บริหารเวลาได้ยอดเยี่ยม และที่สำคัญคือ การยึดถือความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก พวกเขาถือว่าลูกค้าคือพระเจ้า”

นอกจากปัจจัยเรื่องคนและการบริหารจัดการอันเยี่ยมยอดแล้ว ปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญที่ทำให้กิจการนี้ดำเนินมาได้ยาวนานกว่าร้อยปี นอกจากประเพณีเรื่องการกินอาหารตามความเชื่อทางศาสนา รสมือ และราคา ค่าบริการที่ต่ำมากแล้ว คือบริการของรถไฟอินเดีย ซึ่งแม้จะมีปัญหาเรื่องความสะอาดและแออัดยัดเยียด แต่ก็เป็นบริการที่เชื่อถือได้ พึ่งพาได้ นอกจากนี้ ระบบถนนหนทางในมุมไบ ก็เอื้อให้บริการโดยรถเข็นและจักรยานดำเนินไปได้ด้วยดี

เรื่องของระบบรับส่งปิ่นโตที่มุมไบนี้ วงการภาพยนตร์อินเดียเคย นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อภาษาไทยคือ “เมนูต้องมนต์รัก” แต่คนรับส่ง ปิ่นโตคงไม่ชอบ เพราะเป็นเรื่องราว ที่เกิดจากการส่งปิ่นโตผิดคนซ้ำๆ จากภรรยาของคนหนึ่งไปให้ชายอีกคนหนึ่ง จนเกิดความสัมพันธ์ที่เกือบจะบานปลายสังคมอินเดีย

ปัจจุบันมีคนราว 20-30% ที่มีฐานะดี คิดเป็นจำนวนก็นับร้อยล้าน จำนวนหนึ่งเข้าขั้นมหาเศรษฐีระดับโลก แต่คนยากจน คนไม่รู้หนังสือก็ยังมีเต็มบ้านเต็มเมือง คนรับส่งปิ่นโตมีอัตราการเรียนเฉลี่ยถึงชั้น ม.2 แต่จำนวนมากไม่รู้หนังสือ งานของทัปปาลาเป็นงานหนัก เหนื่อยยาก และทำเป็นอาชีพได้ดีแม้ไม่รู้หนังสือ งานนี้ยังคงจะอยู่คู่กับเมืองมุมไบไปอีกนาน 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025