ไฟฟ้าอีสานมั่นคง หันพึ่งพลังงานน้ำ

โพสต์ทูเดย์ - “พล.อ.อนันตพร” ลงพื้นที่เกาะติดไฟฟ้าภาคอีสานหน้าร้อน ไม่ห่วงไฟพีก หนุน กฟผ.เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของเขื่อนจุฬาภรณ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) สามารถผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ได้ 8,600 เมกะวัตต์ และเปิดรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว อีก 2,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ปี 2559 อยู่ที่ 3,627.7 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง

นอกจากนี้ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ ที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ กำลังผลิตติดตั้งรวม 1.25 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) ได้ภายในปี 2562 ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 4 ล้านหน่วย

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์แบบสูบกลับ กำลังผลิตติดตั้งรวม 800 เมกะวัตต์ มีแผนจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จและซีโอดีได้ภายในปี 2569 ถือเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งที่ 2 ถัดจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองชลภาวัฒนาแบบสูบกลับ จ.นครราชสีมา โดยยึดแนวทางการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน และช่วยเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคอีสาน โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด

“กฟผ.ดำเนินภารกิจสอดรับกับนโยบายของกระทรวงเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศมาโดยตลอดที่ผ่านมา พร้อมกับพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้า” พล.อ.อนันตพร กล่าว

นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการฯ กฟผ. กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ตอบสนองการใช้งานในช่วงไฟพีก หากไม่มีโครงการนี้ก็ต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาแทน