posttoday

Totora ที่ Titicaca

18 มีนาคม 2560

เทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้เป็นโรงงานผลิตน้ำจืดขนาดใหญ่ของโลกธารน้ำจากหิมะละลายที่ไหลจากแอนดีสไปทางตะวันตกจะลงมหาสมุทรแปซิฟิกได้ง่าย แต่ธารน้ำที่ไหลไปในภาคพื้นทวีปทางตะวันออกต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางไปถึงฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก น้ำปริมาณมากตกค้างอยู่ตามแอ่งในแผ่นดินกลายเป็นทะเลสาบมากมาย ทำให้ทวีปอเมริกาใต้มีชีวมณฑลที่เป็นลักษณะจำเพาะของตัวเองขึ้นมีแม่น้ำ 27 สาย จากหิมะละลายที่เทือกเขาแอนดีสไหลลงมาขังอยู่ในแอ่งทะเลสาบแห่งหนึ่ง คนพื้นเมืองเรียกทะเลสาบแห่งนี้กันว่า Titicacaทะเลสาบ Titicaca เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อยู่สูงเหนือระดับผิวน้ำทะเลความจริงแล้วทะเลสาบที่มีความสูงเหนือกว่าระดับผิวน้ำทะเลในยุโรป ในเอเชียกลาง ก็มีตั้งหลายแห่ง แต่ Titicaca คือทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลมากที่สุด คือระดับผิวน้ำของทะเลสาบ Titicaca สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลถึง 3.8 กม.สูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ของเราอีกทะเลสาบ Titicaca ยังมีขนาดใหญ่มาก คือด้านยาวสุด 190 กม. กว้างสุด 80 กม. ลึกเฉลี่ย 107 ม. ลึกสุด 281 ม.ระดับน้ำในทะเลสาบ Titicaca แตกต่างกันอยู่ที่ราว 2.5 ม. อันเนื่องมาจากปริมาณฝนตกและหิมะละลาย ลองใช้มือจุ่มลงไปในทะเลสาบจึงรู้ว่าอุณห

เทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้เป็นโรงงานผลิตน้ำจืดขนาดใหญ่ของโลก

ธารน้ำจากหิมะละลายที่ไหลจากแอนดีสไปทางตะวันตกจะลงมหาสมุทรแปซิฟิกได้ง่าย แต่ธารน้ำที่ไหลไปในภาคพื้นทวีปทางตะวันออกต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางไปถึงฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก น้ำปริมาณมากตกค้างอยู่ตามแอ่งในแผ่นดินกลายเป็นทะเลสาบมากมาย ทำให้ทวีปอเมริกาใต้มีชีวมณฑลที่เป็นลักษณะจำเพาะของตัวเองขึ้น

มีแม่น้ำ 27 สาย จากหิมะละลายที่เทือกเขาแอนดีสไหลลงมาขังอยู่ในแอ่งทะเลสาบแห่งหนึ่ง คนพื้นเมืองเรียกทะเลสาบแห่งนี้กันว่า Titicaca

ทะเลสาบ Titicaca เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อยู่สูงเหนือระดับผิวน้ำทะเล

ความจริงแล้วทะเลสาบที่มีความสูงเหนือกว่าระดับผิวน้ำทะเลในยุโรป ในเอเชียกลาง ก็มีตั้งหลายแห่ง แต่ Titicaca คือทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลมากที่สุด คือระดับผิวน้ำของทะเลสาบ Titicaca สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลถึง 3.8 กม.

สูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ของเราอีก

ทะเลสาบ Titicaca ยังมีขนาดใหญ่มาก คือด้านยาวสุด 190 กม. กว้างสุด 80 กม. ลึกเฉลี่ย 107 ม. ลึกสุด 281 ม.

ระดับน้ำในทะเลสาบ Titicaca แตกต่างกันอยู่ที่ราว 2.5 ม. อันเนื่องมาจากปริมาณฝนตกและหิมะละลาย ลองใช้มือจุ่มลงไปในทะเลสาบจึงรู้ว่าอุณหภูมิของน้ำเย็นมาก ตัวเลขอยู่ที่ราว 14 องศาเซลเซียส หากเป็นน้ำที่ก้นทะเลสาบจะอยู่ที่ราว 11 องศาเซลเซียส

ไม่น่าจึงไม่เห็นคนเล่นน้ำที่ทะเลสาบ Titicaca

ทะเลสาบ Titicaca วางตัวอยู่ระหว่างประเทศเปรูและโบลิเวีย คนทั้งสองประเทศในบริเวณรอบทะเลสาบคือชาวไอยมารา (Aymara) มีวัฒนธรรมร่วมกัน

ส่วนชาวอินคาดั้งเดิมนั้น คือชนเผ่าเคชัว (Quechua) ก็เคยมีหลักแหล่งบริเวณทะเลสาบ Titicaca ก่อนที่จะขยับขึ้นไปสร้างความยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือถึงประเทศเอกวาดอร์

วัฒนธรรมในอดีตของคนสมัยก่อนที่นี่ยังมีร่องรอยที่เก็บมัมมี่และการบูชาพระอาทิตย์ตามความเชื่อเดิม

ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ Titicaca ไม่มากเหมือนกับที่ Machu Picchu ซึ่งที่ Machu Picchu นักท่องเที่ยวแน่นมากจนยูเนสโกต้องบอกให้เปรูลดปริมาณนักท่องเที่ยวลง เปรูจึงพยายามดิ้นรนให้นักท่องเที่ยวไหลเข้าไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น พยายามให้นักท่องเที่ยวมาทะเลสาบ Titicaca ให้มากขึ้น

เปรูสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ เพราะถ้าไม่ทำให้มีเนื้อหาขึ้นมาการท่องเที่ยวก็จะไม่เกิด

เช่น การท่องเที่ยวที่ทะเลสาบ Titicaca หากให้นักท่องเที่ยวมาเพียงเห็นทะเลสาบ นั่งเรือเล่นในทะเลสาบได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็กลับ ก็จะได้ไปแค่นั้น แต่เปรูก็สามารถสร้างหัวข้อการท่องเที่ยวในแนว...คนกับธรรมชาติ (Man and Nature) ได้ชัดเจน และน่าศึกษา

การขายการท่องเที่ยวในหัวข้อนี้จะทำได้ดีในพื้นที่อนุรักษ์และเป็นแนวทางที่ยูเนสโกสนับสนุน ซึ่งในการจัดการต้องควบคุมไม่ปรุงแต่งให้บิดเบือนไปจากความจริงโดยรวม หากใครเคยไปที่หมู่บ้าน Shirakawa-go ที่ญี่ปุ่น จะเห็นเขาจัดให้เป็นเมืองที่คนอยู่ผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นบ้านในธรรมชาติอย่างกลมกลืน

เปรูก็ทำเป็นทำนองนั้นค่ะ ผู้เขียนยังนึกว่าที่เมืองไทยเราก็สามารถทำได้หลายพื้นที่

ชนเชื้อสายไอยมารา มาอยู่ที่รอบๆ ทะเลสาบ Titicaca และได้พัฒนารูปแบบที่พึ่งพิงกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนมาเรื่อยๆ

เราเห็นทะเลสาบ Titicaca เป็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มโล่งเรียบ แต่ความจริงแล้วมันเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีสัตว์น้ำ สัตว์ปีก และมีพืชตามริมฝั่งอยู่บ้าง ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ที่เอื้อให้มนุษย์ดำรงชีพได้

พืชที่สำคัญอย่างมากชนิดหนึ่งที่งอกงามอยู่ในบริเวณน้ำที่ไม่ลึกนักของที่นี่ คือ ต้นกก Totora ค่ะ

ต้นกก Totora เป็นตัวประกอบหลักในการสร้างห่วงโซ่อาหารและที่อยู่อาศัย และมีประโยชน์ใช้สอยได้มากเกินคาดอย่างไม่น่าเชื่อ

ประโยชน์ของต้นกกในธรรมชาติที่เรารู้จักกันมาบ้างนั้นคือ ชาวอียิปต์โบราณนำไปทำเป็นกระดาษปาปิรุส แต่ที่คนคิดไม่ถึงนั้นเมื่อ ค.ศ. 1947 Thor Heyerdahl นักมานุษยวิทยาชาวนอร์เวย์ได้นำต้นกก Totora ไปทำแพติดเสากระโดงและกางใบ ตั้งชื่อว่า Kon Tiki ซึ่งเป็นชื่อเดิมของสุริยเทพ Viracocha ของชาวอินคา แล่นจากทวีปอเมริกาใต้ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ไปยังหมู่เกาะโพลินีเชียนได้สำเร็จ ทำให้เกิดทฤษฎีการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์ขึ้นมาใหม่

และครั้งนี้เราได้มาเห็นความน่าทึ่งของต้นกก Totora ด้วยตาตัวเองในทะเลสาบ Titicaca ซึ่งคนพื้นเมืองจำนวนหนึ่งได้นำมาทำเป็นแพลอยน้ำขนาดใหญ่แล้วย้ายกันลงไปอยู่ในแพต้นกก 

วิธีการทำแพไม่ได้ซับซ้อน เพียงแต่ตัดต้นกก Totora ที่มีอยู่มากตามริมทะเลสาบ Titicaca มาถมซ้อนกันจนหนาพอที่จะลอยน้ำจนกลายเป็นแพขึ้น และตัดมาถมทับอย่างต่อเนื่องทุกวันๆ เพื่อทดแทนต้นกกรุ่นก่อนที่อยู่ข้างล่างซึ่งเน่าเปื่อยไปเรื่อยๆ

ในที่สุดจาก “แพต้นกก” ก็ดูเป็น “เกาะต้นกก” ค่ะ

“เกาะต้นกก” มีบริเวณกว้างใหญ่ราวครึ่งสนามฟุตบอล รับคนได้เป็นร้อยก็ไม่จม

มันมหัศจรรย์จริงๆ ค่ะ

จากนั้นครอบครัวใหญ่ได้ลงมาอยู่บน “เกาะต้นกก” ในทะเลสาบ Titicaca ชีวิตของพวกเขาน่าจะสุขสบายไปอีกแบบ เพราะพวกเขามาอยู่ในพื้นที่แหล่งอาหาร ไม่ต้องล่องเรือไปจับปลา แต่ใช้วิธีการเจาะแพส่วนหนึ่งเป็นสระ หรือบ่อเลี้ยงปลาแล้วขึงตาข่ายกั้นไว้ข้างใต้เพื่อกันปลาหนี จึงสามารถจับปลาที่เลี้ยงไว้กินเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนั้นก็ดักนก Coot ซึ่งเป็นนกที่มีมากในทะเลสาบ Titicaca มาใส่กรงขังบน “เกาะต้นกก” ไว้กินเหมือนไก่ เป็ด และใช้ต้นกกตากแห้งเป็นฟืนหุงอาหาร

ต้นกก Totora ที่มัดรวมกันทำอะไรได้สารพัด โดยเฉพาะการทำบ้านพักบนแพ และนำไปผูกทำเป็นเรือรูปร่างแปลกๆ

นี่คือการท่องเที่ยว วิถีคนกับธรรมชาติ ที่ทะเลสาบ Titicaca

จากต้นกกซึ่งอาจเรียกว่า เป็นวัชพืชริมทะเลสาบ Titicaca แท้ๆ มันกลายเป็นเรื่องเป็นราวของ Man and Nature ที่ชัดเจนจริงๆ

เห็นแล้วก็ยังงงๆ อยู่ถึงวันนี้เลยค่ะว่า

เขาทำกันได้ยังไง...(อ่านต่อวันเสาร์หน้าค่ะ)  

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025