ร้อง "ดีเอสไอ" ตรวจสอบโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์
ชาวบ้านร้องดีเอสไอตรวจสอบโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ถมดินบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ปากคลองบึงบอระเพ็ด
ชาวบ้านร้องดีเอสไอตรวจสอบโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ถมดินบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ปากคลองบึงบอระเพ็ด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางขนิษฐา รัตนพัฒนากูล พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ สิทธิกร ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อเป็นตัวแทนชาวบ้านร้องทุกข์กล่าวโทษพระเทพปริยัติเมธี (ฐิติพัฒน์ ญาณสิทธิพัฒน์) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ กรณีจัดทำโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้ทำการถมดินบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ บริเวณปากคลองบึงบอระเพ็ดและถมคลองสาหร่ายตั้งแต่ปี 2548 ที่ตัดผ่านโครงการดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันไม่มีสภาพความเป็นคลอง และส่งผลให้ชาวบ้านบริเวณนี้ถูกน้ำท่วมได้รับความเดือดร้อน โดยมีนายณัฐวุธ นิติวรยุทธ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหน่วยบริการประชาชนและบริการข้อมูลข่าวสาร เป็นผู้รับเรื่อง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้เรามาเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษพระเทพปริยัติเมธี ว่าได้จัดทำโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ ตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งได้ทำการถมดินบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์บริเวณบึงบอระเพ็ดและทำการถมคลองสาหร่าย ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำที่เชื่อมต่อบึงบอระเพ็ดกับแม่น้ำเจ้าพระยา จนปัจจุบันไม่มีสภาพคล่องดังกล่าวเลย เป็นเหตุให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบบึงบอระเพ็ดได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีการขวางทางน้ำจนไม่สามารถระบายน้ำได้ในฤดูฝน อีกทั้ง การก่อสร้างโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ยังเป็นการก่อสร้างในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณะประโยชน์บริเวณปากบึงบอระเพ็ด ซึ่งจากภาพถ่ายทางอากาศนั้น แสดงให้เห็นว่า ก่อนที่พระเทพปริยัติเมธีจะทำการถมดินในโครงการดังกล่าว ยังปรากฎมีคลองสาหร่ายอยู่ แต่เมื่อพระเทพปริยัติเมธีได้ทำการถมดินในบริเวณดังกล่าวและถมคลองสาหร่าย จนไม่มีสภาพคลองเหลืออยู่เลย
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเนื้อที่ของโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์นั้น เบื้องต้นเป็นที่ดินที่ได้รับการบริจาคมา 100 ไร่ แต่ปรากฎว่าเมื่อมีการก่อสร้างจริง เมื่อปี 2548 ได้มีการถมดินลงไปบริเวณกลางคลองสาหร่ายลึก 5-6 เมตร โดยมีความกว้างของคลองประมาณ 10 เมตร ซึ่งจากการถมดินลงไปดังกล่าว เมื่อถึงฤดูฝนทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกน้ำท่วมสูงถึง 2 เมตร แต่ที่โครงการดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีการสร้างแนวกั้นที่ทำให้น้ำไม่สามารถเข้าไปได้ ซึ่งเนื้อที่การสร้างขวาง จากการตรวจสอบเอกสาร สค.1 มีจำนวน 110 ไร่ แต่ปัจจุบันสร้างกว่า 300 ไร่ ซึ่งเกินมาเกือบ 3 เท่า จึงอยากให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบ
รายงานข่าวแจ้งว่า วัดนครสวรรค์ มีการแต่งตั้งให้นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความของพระธัมมชโย เป็นไวยาวัจกรวัดนครสวรรค์ หรือผู้ดูแลเงินวัดอีกด้วย


