posttoday

คืนชีพคนสมองตาย

12 มีนาคม 2560

ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจที่แอสบ์จอร์นออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในแฟลตของเขาได้เมื่อ 6 ปีก่อน ตอนอายุ 16 ปี

ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจที่แอสบ์จอร์นออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในแฟลตของเขาได้เมื่อ 6 ปีก่อน ตอนอายุ 16 ปี เขาป่วยเป็นโรคเบาหวานเฉียบพลันจนมีสภาวะคล้ายกับโคม่า เนื่องจากร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้จนไปเพิ่มความดันในสมอง เด็กหนุ่มอยู่ในสภาพไม่ไหวติงนาน 6 เดือน แม้จะรู้สึกตัวระดับเดียวกับก่อนจะเกิดโคม่า เขาแทบเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ไม่ตอบสนองต่อทั้งเสียงและแสง และดูไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลยจนหมอคาดว่าน่าจะมีอาการเช่นนั้นถาวร

แต่วันนี้แอสบ์จอร์นเดินไปมาในแฟลตได้เองแล้ว ทั้งยังกินดื่มได้เป็นปกติและรู้สึกดีใจเมื่อครอบครัวมาเยี่ยม แม้ยังต้องให้คนอื่นช่วยเหลือ และพูดได้ไม่สะดวก แต่เขานับเป็นตัวอย่างโดดเด่นของความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสภาพราวกับโคม่าฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง

ปัจจุบันแพทย์ตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปอีกขั้น ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย แพทย์จากบริษัทอเมริกันชื่อไบโอควอร์ก กำลังเตรียมการทดสอบทางคลินิกที่จะเป็นก้าวแรกสุดไปสู่การปลุกผู้ป่วยสมองตาย (Brain Death) ให้ฟื้นคืนสติได้ ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาผู้ป่วย 20 ราย ที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนมีอาการสมองตาย เพื่อจะนำมาเข้าร่วมการทดสอบ

ความช่วยเหลือจากไซแอนซ์ อิลลัสเตรเต็ด ผู้ป่วยสมองตายจะมีอาการสมองหยุดทำหน้าที่ทุกอย่าง อาการดังกล่าวจะหนักกว่าโคม่า ภาวะมีสติหลงเหลืออยู่เล็กน้อย (Minimally Concious State) และสภาพผัก (Vegetative State) เสียอีก ซึ่งทั้งหมดยังแสดงให้เห็นกิจกรรมในสมองบ้าง

สภาวะทั้ง 4 แบบเกิดจากการบาดเจ็บของสมองที่ทำให้เซลล์ประสาทตาย อย่างไรก็ตาม มีคุณหมอบางคนใช้ยาช่วยยื้อชีวิตผู้ป่วยที่มีอาการโคม่าได้

หนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ เอสเทบาน ฟริดแมน จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งช่วยปลุกแอสบ์จอร์นขึ้นมาจากสภาพผักนั่นเอง คุณแม่ของเด็กติดต่อกับคุณหมอในปี 2011 หลังจากเธออ่านบทความในไซแอนซ์ อิลลัสเตรเต็ด เกี่ยวกับความสำเร็จของเขาในการรักษาผู้ป่วยโคม่า โดยใช้ยาที่ไปเพิ่มปริมาณสารโดพามีนในสมอง และใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โดพามีน เป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งที่เซลล์ประสาทสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสื่อสาร ฟริดแมนร่วมมือกับแพทย์ชาวเดนมาร์กสั่งยาแมโดพาร์ (Madopar) การรักษาได้ผลดีและหลังจากเพียง 2 สัปดาห์ แอสบ์จอร์นก็รู้สึกตัว

มีบางกรณีเท่านั้นที่แพทย์รักษาความเสียหาย โดยอาศัยการปรับสมดุลของสารเคมีที่ใช้สื่อ กระแสประสาทในสมอง หากการบาดเจ็บนั้นรุนแรงเกินไป แพทย์ก็จำต้องใช้วิธีการเปลี่ยนเซลล์ประสาททดแทนร่วมด้วย

แพทย์ตั้งเป้าหมายสร้างเซลล์ประสาท

ไอรา แพสเทอร์ ซีอีโอของไบโอควอร์ก และทีมงานนักวิทยาศาสตร์ ตั้งเป้าจะทำทั้งสองอย่างเพื่อทำให้ผู้ป่วยสมองตายฟื้นคืนสติอีกครั้ง ทีมงานตั้งใจจะใส่เซลล์สมองใหม่เอี่ยมให้กับสมองผู้ป่วยเพื่อช่วยให้เส้นทางเดินกระแสประสาทเติบโตจนไปปิดช่องว่างที่เกิดจากการบาดเจ็บ

ทำนองเดียวกับที่ร่างกายของเราซ่อมแซม เนื้อเยื่อเสียหายที่เกิดจากบาดแผล ปลาม้าลาย และสัตว์โบราณอื่นๆ  ก็ซ่อมแซมสมองของพวกมันได้ ปลาขนาดเล็กนี้มีกระเปาะบรรจุสเต็มเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวและพัฒนากลายไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้ ในปี 2011 นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันแสดงให้เห็นว่า สเต็มเซลล์เปลี่ยนไปเป็นเซลล์ประสาทได้ อีกทั้งยังสามารถสร้างเครือข่ายกับเซลล์ประสาทเซลล์อื่นๆ ส่งสัญญาณรวมไปถึงฟื้นคืนการทำงานของสมองได้

แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยพบปรากฏการณ์เช่นนี้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลย กระทั่งในปี 2014 นักวิทยาศาสตร์เยอรมันอีกทีมได้ทดลอง ช่วยให้หนูที่สมองบาดเจ็บรักษาตัวเองได้ และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เพียงแค่ใส่โปรตีนเพปไทด์ชื่อ ซอกซ์2 (Sox2) ซึ่งควบคุมการสร้างโปรตีนจากยีนบางชนิด จึงทำให้ควบคุมการทำงานของเซลล์ได้ ซอกซ์2 จะไปโปรแกรมเซลล์สมองเสียใหม่ ทำให้เซลล์เกลีย (Glia Cell) ที่เป็นเซลล์ผู้ช่วยที่ทำหน้าที่สนับสนุนและหล่อเลี้ยงเซลล์ประสาทให้เติบโตอยู่ได้ โปรตีนนี้ทำให้เซลล์เกลียช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทให้ทำงานได้สมบูรณ์ดังเดิม

บรรดาเซลล์ต้องการผู้นำ ไบโอควอร์กตั้งเป้าคร่าวๆ ว่า จะเลียนแบบกระบวนการดังกล่าว โดยการสกัดสเต็มเซลล์จากเลือดหรือไขมันของผู้ป่วยสมองตาย แล้วฉีดกลับเข้าไปยังก้านสมอง ซึ่งพวกมันจะพัฒนาไปเป็นเซลล์ประสาทตรงตำแหน่งดังกล่าว ก้านสมองเป็นสมองส่วนล่างซึ่งควบคุมกระบวนการพื้นฐานต่างๆ ของชีวิต เช่น การหายใจและการเต้นของหัวใจ หากนักวิทยาศาสตร์กระตุ้นให้ก้านสมองกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ก็จะช่วยทำให้ส่วนอื่นของร่างกายกลับมามีชีวิตด้วย แต่สเต็มเซลล์ต้องการ “ผู้นำ” ที่บอกพวกมันว่าจะให้ทำอะไร โดยผู้นำนั้นได้แก่โปรตีนซึ่งนักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นในเซลล์ไข่ของมนุษย์

แพสเทอร์ อธิบายว่า โปรตีนดังกล่าวไม่เพียงแต่คอยนำสเต็มเซลล์เท่านั้น “แต่โปรตีนจากเซลล์ไข่จะต้องไปโปรแกรมสเต็มเซลล์ซ้ำอีกครั้ง และไปส่งผลทำให้เซลล์ที่มีอยู่ไปช่วยทำความสะอาดบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ ย่อยสลายเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว และทำให้สภาพแวดล้อมนั้นเหมาะสม ให้เซลล์ประสาทใหม่ๆ ใช้อาศัยเจริญเติบโตได้”

เช่นเดียวกับที่กล้ามเนื้อต้องออกกำลังเพื่อใช้งานได้ดีที่สุด การกระตุ้นเซลล์ประสาทจึงถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ นักวิทยาศาสตร์ไบโอควอร์กตั้งเป้าว่าจะกระตุ้นโดยอาศัยลำแสงเลเซอร์ ซึ่งก็มีการทดลองหลายชุดที่แสดงให้เห็นว่าการทำเช่นนี้ทำให้เซลล์ประสาทจะเติบโตได้เร็วกว่าปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2015 นักวิทยาศาสตร์อิหร่านยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ลำแสงพลังงานสูงก็สามารถนำมาใช้กระตุ้นสเต็มเซลล์ให้พัฒนาไปเป็นเซลล์ประสาท ดังนั้น แพสเทอร์ จึงตั้งเป้าว่าจะฉายเลเซอร์ทุกวัน วันละไม่กี่นาทีให้กับผู้ป่วยสมองตายที่เข้าร่วมการทดสอบทั้ง 20 คน ที่ได้รับสเต็มเซลล์กับโปรตีนดังกล่าว

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ