เจ้าพ่อแสนแสบ "เชาวลิต" จากเรือขนส่งสู่ท่องเที่ยว
ถอดรหัสความสำเร็จของ "ครอบครัวขนส่ง (2002)" ผู้ให้บริการเรือโดยสารคลองแสนแสบที่ยืนหยัดอยู่เพียงรายเดียวในปัจจุบัน
โดย...จะเรียม สำรวจ
ท่ามกลางชีวิตที่เร่งรีบของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องฝ่าฟันกับการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก การใช้เวลาในการเดินทางไปทำงานให้ทันเวลาถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งการย่นระยะเวลาในการเดินทางไปทำงานนอกจากจะใช้วิธีด้วยการโดยสารรถประจำทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ และเรือด่วนเจ้าพระยาแล้ว การใช้บริการเรือด่วนคลองแสนแสบก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนกรุงเทพฯ
ด้วยค่าบริการที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า คือ เริ่มต้นที่ 9 บาท และสูงสุดที่ 19 บาท จึงทำให้เรือโดยสารคลองแสนแสบได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ด้วยเหตุผลที่เข้าใจความเดือดร้อนของคนกรุงเทพฯ ที่ใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนด้วยความรีบเร่ง บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) จึงเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่เหลืออยู่จากการทำธุรกิจให้บริการเรือโดยสารในลำคลอง หลังจากก่อนหน้ามีหลายรายที่โดดเข้ามาทำธุรกิจ แต่แล้วก็ต้องโบกมือลาไป เพราะบริการไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคลองลาดพร้าว คลองผดุงกรุงเกษม คลองบางลำพู คลองภาษีเจริญ หรือส่วนต่อขยายคลองแสนแสบ ซึ่งจะวิ่งจากวัดศรีบุญเรืองไปมีนบุรีต่างโบกมือลาธุรกิจนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
เชาวลิต เมธยะประภาส หรือลุงถั่ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) เล่าว่า การจะเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมีด้วยกัน 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.การเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ 2.การเข้าถึงเงินทุน และ 3.มีช่องทางและมีคอนเนกชั่น เพื่อเลี้ยงคน ซึ่งธุรกิจจะสำเร็จได้ต้องเริ่มจากเล็กไปหาใหญ่ ในส่วนของการทำธุรกิจเรือโดยสารจะให้ประสบความสำเร็จต้องมีอู่ต่อเรือ มีคลังน้ำมัน ซึ่งในส่วนของบริษัทมีอู่ต่อเรือและคลังน้ำมันที่ดำเนินการอยู่บนพื้นที่ประมาณ 3-4 ไร่ ในย่านบางกะปิ ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือประตูน้ำประมาณ 18 กม.
“กลยุทธ์ที่ให้เราอยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ คือ การเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ เมื่อก่อนความเจริญเกิดจากธุรกิจเรือ แต่พอผ่านเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มมากขึ้น การซื้อเวลาในการเดินทางจึงมีความสำคัญ ซึ่งบริษัทสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ เนื่องจากการเดินทางโดยเรือของบริษัทสามารถกำหนดระยะเวลาถึงที่หมายได้ นอกจากนี้ค่าบริการยังไม่แพงเมื่อเทียบกับการใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ดังนั้นเรือคลองแสนแสบจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการไปทำงานให้ทันเวลา”
อีกปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของเรือคลองแสนแสบ คือ ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ปัจจัยนี้เชาวลิต เน้นมาก เพราะถือเป็นการแสดงความจริงใจต่อการให้บริการ โดยทุกครั้งที่มีปัญหาในด้านของการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ผู้โดยสารตกเรือ หรือเหตุการณ์แก๊สระเบิด เชาวลิต แสดงความจริงใจด้วยการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารที่ประสบภัยทุกด้าน ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมผู้โดยสารเรือคลองแสนแสบถึงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ช่วงที่เรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เชาวลิต ได้มีโอกาสเริ่มต้นธุรกิจขนส่ง ด้วยการร่วมกับเพื่อนให้บริการรถเมล์วิ่งจากรามคำแหงไปปากคลองตลาด เมื่อได้ก้าวเข้าไปสู่การทำธุรกิจดังกล่าว ทำให้ เชาวลิต ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตมากขึ้น และทำให้มีวุฒิภาวะในการดำเนินชีวิตมากกว่าคนที่เรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยก็ทำให้ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะการทำธุรกิจด้วยตัวเองทำให้สามารถควบคุมการดำเนินชีวิตด้วยตัวเองได้ เชาวลิต จึงได้เข้าไปทดลองวิ่งเรือหางยาวรับผู้โดยสารจากรามคำแหงมายังประตูน้ำ ซึ่งก็ได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ดี จากวุฒิการศึกษาที่จบนิติศาสตรบัณฑิต ทำให้หลังจากจบการศึกษา เชาวลิต ได้มีโอกาสทำงานเป็นทนายความระยะหนึ่ง จนกระทั่งอายุประมาณ 36 ปี ก็มีโอกาสได้พบ จำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ในสมัยนั้น ประกาศหาผู้ที่สนใจมาเดินเรือคลองแสนแสบ เชาวลิต จึงให้ความสนใจเข้าไปเจรจาขอสัมปทาน ซึ่งก็ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินธุรกิจวิ่งเรือโดยสารคลองแสนแสบนับตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
“ปี 2533 ลุงเริ่มธุรกิจวิ่งเรือคลองแสนแสบเป็นครั้งแรก ตอนนั้นมีเรือที่วิ่งให้บริการประมาณ 20 ลำ ในแต่ละวันจะวิ่งรับผู้โดยสารประมาณ 104 เที่ยว มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการประมาณ 5,000-6,000 คน/วัน จากจำนวนผู้โดยสารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันมีเรือโดยสารคลองแสนแสบให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 72 ลำ และมีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการต่อวันประมาณ 5 หมื่นคน”
อย่างไรก็ดี เพื่อให้บริการเรือคลองแสนแสบมีมาตรฐานในการบริการที่ดีขึ้น เชาวลิต ได้มีการปรับปรุงเรือให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
“ผู้โดยสารทุกคนที่ใช้บริการเรือคลองแสนแสบ เรามีประกันภัยให้ และหากใครประสบอุบัติเหตุเราก็มีการดูแลและชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นเงิน ซึ่งในส่วนของกรณีศึกษาจากเหตุการณ์ก๊าซแอลเอ็นจีระเบิด ก็เกิดจากบริษัทต้องการลดค่าใช้จ่ายในด้านของน้ำมัน เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เราเลยตัดสินใจใช้งบ 80 ล้านบาท ลงทุนติดตั้งก๊าซแอลเอ็นจี ซึ่งก่อนติดก็ได้มีการทดลองและศึกษามาเป็นอย่างดีว่าไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราก็ตัดสินใจยกเลิกการใช้ก๊าซแอลเอ็นจีทันที เพื่อให้ลูกค้าสบายใจเมื่อใช้บริการเรือคลองแสนแสบ”
สำหรับรูปแบบของเรือรุ่นใหม่ที่เริ่มนำมาให้บริการแล้วในขณะนี้ จะมีการปรับที่นั่งให้เหมือนกับเรือด่วนเจ้าพระยา ด้วยการเพิ่มที่นั่งจากลำละ 170 คนเป็น 200 คน โดยขณะนี้ได้เริ่มทำการนำเรือเก่ามาปรับปรุงใหม่แล้วจำนวน 3 ลำ ภายใต้งบลงทุนลำละ 3-4 ล้านบาท คาดว่าภายในอีกปีครึ่งจะปรับปรุงเรือเก่าที่มีอยู่จำนวน 72 ลำให้เป็นเรือรุ่นใหม่ได้ทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจและสะดวกสบายเมื่อใช้บริการเรือคลองแสนแสบ
เปิดบริการเรือท่องเที่ยวในคลองแสนแสบ
อีกหนึ่งธุรกิจที่ เชาวลิต เมธยะประภาส เจ้าพ่อเรือแสนแสบอยากจะเปิดให้บริการในเร็วๆนี้คือ การให้บริการเรือท่องเที่ยวในคลองแสนแสบซึ่งจะวิ่งจากท่าเรือประตูน้ำต่อไปท่าเรือผ่านฟ้าต่อเนื่องไปยังคลองบางลำพู ซึ่งตลอดเส้นทางที่เรือท่องเที่ยววิ่งผ่านนักท่องเที่ยวสามารถแวะชมและแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าเจริญผล ย่านนั้นจะเป็นแหล่งร้านค้าสินค้าลอกเลียนแบบ ขณะที่ท่าโบ๊เบ๊จะเป็นย่านที่ขายสินค้าประเภทขายส่ง และถือเป็นย่านที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 90 ปีขณะที่ท่าผ่านฟ้าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อย่างวัดภูเขาทอง ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3
เชาวลิต กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม เพื่อดำเนินธุรกิจเรือท่องเที่ยวบางกอก คาแนล ภายใต้การดูแลของบริษัทบางกอก คาแนล ซึ่งจะเดินเรือระหว่างท่าเรือประตูน้ำผ่านท่าเรือราชเทวี เจริญผล โบ๊เบ๊ผ่านฟ้า ต่อเนื่องจนถึงคลองบางลำพู เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเส้นทางเรือดังกล่าวมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่น่าสนใจจึงทำให้เล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจเรือท่องเที่ยว
“การที่หันมาทำเรือท่องเที่ยว เพราะมองเห็นโอกาสจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวที่เรือบางกอก คาแนล วิ่งผ่านจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยในส่วนของประตูน้ำเปรียบเสมือนแหล่งท่องเที่ยวใหม่หรือนิวทาวน์ ขณะที่คลองบางลำพูก็เปรียบเสมือนแหล่งท่องเที่ยวเก่าหรือโอลด์ทาวน์”
ปัจจุบัน เชาวลิต มีอายุก้าวเข้าสู่วัย 65 ปีแล้ว แม้จะถึงวัยเกษียณ แต่ก็ยังคงทำงานทุกวันเหมือนกับตอนเป็นหนุ่ม พร้อมบอกอีกว่า ถ้าต้องเกษียณจริงๆ ก็คงจะทำงานอยู่บ้าน ถ้าสมองยังสามารถทำงานได้


