พิศาล รัชกิจประการ กัปตันอาม่ามารีน พากองเรือสู่ทะเลกว้าง

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

พิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาม่ามารีน (AMA) บริษัทซึ่งดำเนินธุรกิจกองเรือบรรทุกเหลว ธุรกิจของตระกูล รัชกิจประการ วันนี้ในวัย47 ปี เขาถือว่า เป็นซีอีโอหนุ่ม ที่เป็นที่รู้จักของบริษัทคู่ค้า ล่าสุดได้กลายเป็นที่รู้จักของนักลงทุน เพราะอาม่ามารีนได้เข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อปลายปี 2559 ขณะที่เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่ราคา 9.99 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นขึ้นมาซื้อขายที่ 25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 152% พูดได้ว่าแจกกำไรก้อนโต

อะไรคือแรงบันดาลที่ทำให้ซีอีโอหนุ่มรายนี้ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจเดินเรือ ทั้งๆ ที่ในความตั้งใจครั้งแรกหลังเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท สาขาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คือการเป็นผู้จัดการโรงงาน เพราะตรงกับสายที่เรียนมา ดังนั้นงานแรกของ พิศาล คือการเป็นผู้จัดการโรงโม่หินที่ราชบุรีเมื่อปี 2539-2540 แต่การได้ทำหน้าที่ตามความใฝ่ฝันนั้นเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่นาน เพราะประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ตัวเขาเองก็ต้องออกจากงาน

ประจวบเหมาะกับพี่ชายซึ่งเป็นลูกผู้พี่ของตระกูลรัชกิจประการ ได้ก่อตั้งธุรกิจเดินเรือเกิดขึ้นในปี 2539 ซึ่งการตั้งธุรกิจเดินเรือก็เกิดขึ้นจากลูกผู้พี่ของตระกูลอีกรายหนึ่งก็มีบริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ผู้ให้บริการสถานีน้ำมันภายใต้ชื่อปั๊ม PT ดังนั้นในปี 2541 พิศาล จึงถูกดึงตัวเข้ามาให้เป็นผู้ร่วมงานในบริษัท อาม่ามารีน

ทั้งนี้ การเข้ามาทำงานในอาม่ามารีนของพิศาล เริ่มต้นและเรียนรู้ในทุกระดับของธุรกิจและจนก้าวขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเมื่อปี 2557 จวบจนปัจจุบัน ซึ่งในการทำงานและบริหารงานในธุรกิจเดินเรือที่จะต้องเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับบริษัทคู่ค้าและลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญมากและถือว่าเป็นหัวใจที่ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ยึดและดำเนินการมาตลอดคือ การทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและเชื่อใจ เพราะการเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าสำคัญ สินค้าจะต้องถึงมือลูกค้าในระยะเวลาที่กำหนด และสินค้าจะถึงครบถ้วน เพราะการทำธุรกิจนี้อยู่บนความไว้ใจ

“การขนส่งสินค้าโดยเฉพาะสินค้าของเหลวที่เป็นน้ำมัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วหายได้ ถ้าบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการหรือดูแลลูกเรือให้ดีให้ได้ใจและไว้ใจซึ่งกันและกัน และการที่อาม่ามารีนมีจุดแกร่งในเรื่องซื่อสัตย์ตรงเวลา ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า”

สำหรับธุรกิจของอาม่ามารีนแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ การให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ และการให้บริการขนส่งทางรถ ในธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือเน้นให้บริการขนส่งสินค้าเหลว คือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช ที่ผลิตได้จากพืชน้ำมันต่างๆ เช่น ปาล์ม มะพร้าว ถั่วเหลือง เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมด 7 ลำ คิดเป็นขนาดระวางบรรทุกรวม 33,641.45 เมตริกตัน และเพิ่งซื้อเข้ามา 1 ลำ ขนาด 1 คูฯ 1.3 หมื่นตัน จะเปิดให้บริการปลายเดือนนี้ และปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรืออันดับต้นๆ ที่ให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ได้แก่ ประเทศเมียนมา ประเทศเวียดนาม และประเทศฟิลิปปินส์) และขยายสู่เอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของโลก เช่น  Wilmar Trading Pte.Ltd. ICOF (Inter-Continental Oil & Fats Pte.Ltd.) Kwantas Oil Sdn Bhd. Cargill International Trading Pte.Ltd. Denali Trading Pte.Ltd. Univanich Palm Oil Plc.Co.,Ltd.

“อนาคตในทะเลกว้าง จะเห็นกองเรือของอาม่ามารีน ที่ข้างลำเรือจะมีชื่อของเรือแต่ละลำ เช่น ญาณีอาม่า เบิกไพร จ้าวอโนมา เมซอนร์ พริมโรส เมญ่า อุลญา พร้อมธงสัญชาติไทย วิ่งอยู่ในระลอกคลื่น”

อย่างไรก็ตาม เมื่ออาม่ามารีนเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียน ก็ถือว่าได้สร้างแรงบันดาลใจและสร้างความคาดหวังให้กับนักลงทุน ผมเองในฐานะของกัปตันบังคับกองเรือของบริษัท จะนำพากองเรือที่มีอยู่ออกแล่นสู่ทะเลที่กว้างมากขึ้น และการเข้าเป็นบริษัทมหาชนก็ยิ่งจะเป็นแรงผลักให้บริษัทมุ่งมั่นและทำให้ผู้ถือหุ้นทุกภาคส่วน รวมถึงพนักงานทุกๆ คนของบริษัทได้รับความพึงพอใจ เพราะเมื่อพวกเขาเหล่านั้นมีความคาดหวัง

ผมในฐานะกัปตันก็พร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มภาคภูมิในการนำพากิจการของบริษัทให้เจริญเติบโต