posttoday

​โลกกลับหัว บทเรียนจากสหรัฐ แม่แบบประชาธิปไตยที่กำลังมีปัญหา

12 กุมภาพันธ์ 2560

สั่นคลอนสถานะ​​ประเทศต้นแบบประชาธิปไตยอยู่ไม่น้อย หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45

โดย...ธนพล บางยี่ขัน ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

สั่นคลอนสถานะ​​ประเทศต้นแบบประชาธิปไตยอยู่ไม่น้อย หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 และเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ผ่านมาไม่ถึงเดือนก็ถูกท้าทายทั้งการประท้วงจากประชาชน และตุลาการภิวัฒน์ระงับคำสั่งของท่านประธานาธิบดี จนหลายคนแซวว่า วันนี้อเมริกากำลังตามหลังไทยแล้ว

4 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงเดือน กำลังทดสอบระบอบประชาธิปไตยสหรัฐจนถูกจับตาจากทั่วโลก ได้แก่ 1.การประท้วงจากประชาชนที่มีอย่างต่อเนื่อง  2.นักแสดงสาวชาวสหรัฐ ซาราห์ ซิลเวอร์แมน สร้างความฮือฮา ออกมาเรียกร้องสวนทางหลักประชาธิปไตยให้ทหารรัฐประหาร ยึดอำนาจจากทรัมป์ โดยอ้างว่าเป็นผู้นำเผด็จการ 

3.ดัชนีประชาธิปไตยที่จัดทำโดยหน่วยข่าวกรองเศรษฐศาสตร์ หรือ EIU ของนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ ในอังกฤษ ลดอันดับสหรัฐอเมริกาจากประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็น “ประชาธิปไตยที่มีความบกพร่อง” เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันสาธารณะตกต่ำลง รวมถึงที่มีต่อทรัมป์ และ 4.ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางได้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์จนหน้าหงายที่ห้ามชาวมุสลิม 7 ชาติ เข้าประเทศ

เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อธิการวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งคร่ำหวอดอยู่ในดินแดนเสรีภาพของสหรัฐอเมริกามายาวนานตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี โท และปริญญาเอก จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลอมเบีย ในมหานครนิวยอร์ก ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สอนในระดับปริญญาโทและเอกที่นั่น สะท้อนปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอเมริกาให้เราฟังว่า สิ่งที่ทรัมป์ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงหาเสียงไม่ได้แค่พูดอย่างเดียว เพราะภายในหนึ่งสัปดาห์ ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (เอ็กเซ็กคิวทีฟ ออร์เดอร์) หลายเรื่องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันขัดกับวิธีคิดระบอบการทำงานของสหรัฐ จนทำให้​ถูกท้าทายด้วยอำนาจจากทั้งศาล อัยการ มลรัฐ  ​

“จากที่เคยพูดกันว่าอเมริกาเป็นแม่แบบประชาธิปไตยนั้น เวลานี้กำลังถูกทดสอบอย่างหนัก แต่ก็สะท้อนว่าคุณจะทำอะไรหักดิบในอเมริกายาก เพราะมีระบบที่อำนาจไม่รวมศูนย์​มาก มีเช็กแอนด์บาลานซ์ ศาล สภา ถ่วงดุลอำนาจประธานาธิบดีได้ ทรัมป์ถึงต้องหลบมาใช้เอ็กเซ็กคิวทีฟออร์เดอร์ เพราะหากออกเป็น พ.ร.บ.หรือรัฐบัญญัติก็อาจจะถูกขัดขืนต่อต้านและช้า แถมยังถูกคานด้วยมลรัฐและอำนาจท้องถิ่น”

เอนก อธิบายว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฮิลลารี คลินตัน ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่า แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะในระบบอิเล็กทรอรอลซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ดังนั้นในแง่ประชาธิปไตยก็ถือเป็นโอกาสให้กลับมาคิดอะไรกันใหม่ รวมไปถึงคิดเรื่องต้นแบบประชาธิปไตยที่สหรัฐถูกยกให้เป็นแม่แบบอีกครั้ง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นทั้งด้านดีและไม่ดี ทั้งเรื่องการใช้อำนาจของประธานาธิบดี ซึ่งมีระบบชาลเลนจ์อำนาจให้ศาลตรวจสอบว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมทั้งประธานาธิบดีก็เป็นคอมมานเดอร์อินชีฟสามารถสั่งการทหารได้ แต่ก็มีกลไกต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่สั่งไปเรื่อยเปื่อย

เอนก กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาก่อตั้งมาจากการต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แบบยุโรป ที่อำนาจอยู่ในมือกษัตริย์ ขุนนาง อเมริกา ต้องการเสรีภาพจึงออกมาตั้งแผ่นดินใหม่ ฟังเสียงประชาชน มีพันธสัญญาที่จะอยู่ด้วยกัน รัฐบาลมีอำนาจเพราะประชาชนมอบอำนาจให้ ต่อมามีการคานอำนาจทำให้รัฐบาลมีอำนาจน้อย แบ่งเป็นการกระจายอำนาจ

“ความชอบธรรมไม่ได้แค่มาจากการเลือกตั้ง​จากประชาชน แต่อเมริกา ถึงจะมาจากประชาชนก็ยังวางระบบไม่ให้รัฐบาลทำอะไรผิด​ หากทำผิดก็จะมีคนชาลเลนจ์ วัฒนธรรมการเมืองเรา รัฐบาลสามารถสั่งลงไปทุกตำบลได้  แต่อเมริกาทำไม่ได้ ต้องขึ้นกับที่มลรัฐต่างๆ ว่าเขาเอาหรือเปล่า ​มลรัฐ เมือง ท้องถิ่นของเขาไม่ใช่ข้างบนมาสั่งให้ทำอะไรก็ได้ ข้างบนจะทำเรื่องใหญ่ๆ ความมั่นคง คลัง ทหาร ต่างประเทศ”​

​เอนก อธิบายว่า ​ระบบนี้ต่างจากของจีนที่ออกแบบ​ให้ทำอะไรเร็วๆ เยอะ​ๆ ได้ เพราะอำนาจชัดเจนเด็ดขาด รวมศูนย์ไม่มีการคานหรือถ่วงดุล ดังนั้น ถ้าดีก็ดีใจหาย ​ถ้าแย่ก็แย่สิ้นดี ต่างจากระบบอเมริกาที่ไม่ดีใจหาย แต่ก็ไม่แย่สิ้นดี ส่วนหนึ่งเพราะอเมริกา พลังอยู่ที่ภาคเอกชน พลังสังคม

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือสภาพเศรษฐกิจที่อเมริกาถูกจีนไล่กวดมาเรื่อยๆ กำลังท้าทายระบบโลกาภิวัตน์ จากเดิมที่ฝรั่งคือศูนย์กลางความเจริญ เป็นต้นแบบ แต่ปี 2008 เป็นต้นมาเริ่มไม่เป็นอย่างนั้น เพราะทุกอย่างเริ่มมีการกลับขั้ว

“ประเทศตะวันตกเริ่มไม่เป็นครู ประเทศตะวันออกเริ่มจะเป็นครูมากขึ้นไปจนถึงเรื่องที่ ตะวันตกทำท่าจะไม่เป็นศูนย์กลางการเติบโต ขณะที่ประเทศตะวันออกเป็นประเทศศูนย์กลางการเติบโตมากกว่า ประเทศ​ตะวันตกไม่ค่อยรวย​ มีหนี้ ส่วนประเทศตะวันออกเริ่มเป็นเจ้าหนี้ จะเห็นว่ารายได้ที่เป็นจริงของคนชั้นกลางอเมริกาไม่เพิ่มมาเป็น 10 ปี”​

ทั้งนี้ ​คนอเมริกาก็ฝังใจเลือกคนมาแก้ โดยเลือกโอบามามาเปลี่ยน ​ทำมา 8 ปี แต่ก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ​ที่ประกาศ “Make America Great Again” เริ่มหลุดจากโลกาภิวัตน์ หันไปเน้นที่ชาติตัวเองเป็นหลัก จากเดิมที่เน้นเจรจาพหุภาคีก็เปลี่ยนมาเป็นทวิภาคี รวมทั้งเรื่องที่จะถอนกำลังทหารจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น นาโต้ อาจได้เห็นในยุคทรัมป์ เพราะไม่ต้องการทำตัวเป็นตำรวจโลก ลดบทบาทความมั่นคงทางทหารโลกที่แบกรับ แต่จะมาจริงจังกับการค้าการลงทุนมากขึ้นโดยใช้ข้อได้เปรียบทางทหารมาต่อรองบีบคั้นเป็นแรงพิเศษ

ถามถึงเหตุการณ์ประท้วงที่เริ่มใช้ความรุนแรงและดูจะขัดกับหลักประชาธิปไตยนั้น เอนก มองว่า ยังเป็นเพียงคนส่วนน้อย และยังอีกนานกว่าจะเป็นกระแส หรือกระแสเรียกร้องเรื่องการยึดอำนาจก็ไม่ง่าย เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่มีการกระจายอำนาจสูง ​แต่การยึดอำนาจทำได้ในประเทศที่รวมศูนย์อำนาจเด็ดขาด

ที่น่าสนใจคือ การที่นิตยสารอีโคโนมิสต์ ลดการจัดอันดับความเป็นประชาธิปไตยของอเมริกา เอนก มองว่า เป็นปรากฏการณ์ โลกปั่นป่วน อำนาจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงจากค่ายเดิมคือตะวันตกที่กำลังทรุดลง อำนาจใหม่คือตะวันออกกำลังพุ่งทะยานขึ้น 

“ปทัสถานเดิมกำลังเริ่มคลอนแคลน​​ อะไรหลายอย่างที่ตะวันออกดูไม่ดี ตอนนี้อาจต้องคิดใหม่ว่าดีแล้วก็ได้ เช่น ระบบจีน การบริหารราชการแบบจีน พัฒนาแบบจีน ที่บอกว่าตลาดดีกว่า รัฐ พูดแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะหากให้รัฐคุมตลาด แบบนี้อาจไม่ผิดก็ได้ มาร์เก็ต อาจไม่ใช่แล้วหลักคิดทั้งยวง ทุนนิยมไม่ใช่แค่ตลาดแล้ว อาจต้องใช้ทุนนิยมแบบยุทธศาสตร์ สเตรติจี้ แคปิตอลิซึม”

เอนก อธิบายว่า การดูแบบ “ประชาธิปไตย” แล้วคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นแบบอเมริกา หรืออังกฤษ​ ที่ระบบดี​สำหรับป้องกันคนไม่ให้ทำอะไรที่ไม่ดีได้ง่ายๆ ก็อาจต้องเปลี่ยนความคิดนี้ รวมไปถึงกลไกการจัดอันดับทางเศรษฐกิจของประเทศตะวันตกทั้งเอสแอนด์พี มูดี้ส์ หรืออื่นๆ นั้น อาจจะต้องกลับมาคิดใหม่ว่าจำเป็นต้องให้ชาติตะวันตกเป็นคนจัดอันดับหรือไม่ เพราะเป็นฝ่ายที่เริ่มขาดทุน อาจถึงเวลาที่ฝั่งตะวันออกต้องเข้าไปจัดอันดับแทนหรือไม่

ทั้งนี้ ในแง่ประชาธิปไตยก็เช่นกัน เราจะให้เขามาจัดอันดับเรา หรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือเราจะเอาประเทศอะไรเป็นแม่แบบเราก็ต้องรอบคอบมากขึ้น เมื่อไปดูต้นแบบ​ก็ต้องดูว่ายังใช้ได้อยู่หรือไม่ มีจุดบกพร่องอย่างไร ไม่ควรเอาแม่แบบมาอ้างง่ายๆ เพราะแม่แบบมีปัญหาหมด

เอนก กล่าวด้วยว่า ปัญหาของแม่แบบทางเศรษฐกิจ อย่างเรื่องทุนนิยมก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องที่สุดแบบ 100% เพราะมันถูกท้าทายจาก “ทุนนิยมโดยรัฐ” เช่น จีน เกาหลี ประเทศอาเซียนเองรัฐก็มีบทบาทไม่น้อย ชี้ให้เห็นว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ในทางประชาธิปไตยก็เหมือนกัน อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส ต้องปรับตัว ​แต่ก็ปฏิรูปยาก อเมริกาจะปรับตัวก็เจอล็อบบี้ทำให้ปฏิรูปไม่ได้

“นี่คือโลกที่กลับหัวเป็นหางหมด เมื่อก่อน​ประเทศที่มีอาการแบบอเมริกันเวลานี้ ​ควรจะไปอยู่ที่โดมินิกัน หรือ Banana Republic แต่เวลานี้ พฤติกรรมของอเมริกันกลับไปเหมือน Banana Republic ไปแล้ว”​

เอนก บอกว่า เวลานี้โลกาภิวัตน์เริ่มไม่มั่นคงถูกโยกคลอนจากพลังใหม่ อเมริกาเองก็เชิญให้ซีพีไปช่วยสร้างอาหาร จุดเด่นอเมริกาคือผลิตอาหาร เพราะมีที่ดินมาก แม้จะมีความรู้เยอะแต่ก็นำเอาความรู้มาทำพาณิชย์เชิง​ธุรกิจไม่เก่ง ​

สำหรับประเทศไทยไม่ใช่ประเทศยากจนอีกแล้ว ขนาดเศรษฐกิจโตอันดับ 33 ของโลก ​กำลังซื้อสินค้าเป็นจริงอันดับ 22 ของโลก ซึ่งมีทั้งหมด 220 ประเทศ เรารู้ตัวหรือเปล่าว่าเราไม่เลว ส่วนเรื่องการก้าวพ้นการติดกับดักรายได้ปานกลางนั้น ไม่ควรคิดที่จะทำให้เป็นประเทศร่ำรวยเพราะจะเหนื่อย แต่หากรายได้ปานกลางก็ต้องทำให้ปานกลางทั้งประเทศจริงๆ ไม่ใช่แค่คนจำนวนหนึ่งเท่านั้น

“เรามีพระเจ้าอยู่หัว ที่คิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่เศรษฐกิจแบบ​ตะวันตก เศรษฐกิจที่ลดความอยาก ควบคุมความอยาก แสวงหาเท่าที่จำเป็น ต้องประมาณตนเอง” เอนก กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68