ประยุทธ์คุมกองทัพเบ็ดเสร็จ คณิต-ทนงศักดิ์ใจไม่ถึงเด้งขึ้นหิ้ง
บัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ คลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ คนที่ 37 ของกองทัพบก
บัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ คลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ คนที่ 37 ของกองทัพบก
โดย...ทีมข่าวการเมือง
บัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีนี้ คลอดออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ คนที่ 37 ของกองทัพบก พร้อมเพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ที่ขยับขึ้นมาเป็นแผง คุมอำนาจในกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ
พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ครั้งนี้ ท่ามกลางการถูกจับตามองถึงบทบาทของกองทัพในการค้ำรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นสถาบันหลักในการแก้วิกฤตทางการเมือง โดยเฉพาะการต่อสู้ของคนเสื้อแดง และภารกิจปกป้องสถาบันกษัตริย์
“ประยุทธ์” ได้ชื่อว่าเป็นทหารสายเหยี่ยว ที่มีความเด็ดขาด และมีจุดยืนเทิดทูนสถาบัน และต่อต้านสีแดงอย่างเต็มที่ เขาเป็นประธานเตรียมทหารรุ่นที่ 12 ได้ชื่อว่าเป็นทหารเสือราชินี ที่มีความจงรักภักดี เพราะรับราชการเป็นทหารเสือฯ ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21รอ.) จ.ชลบุรี มาตลอด จนมาเติบโตในกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2รอ.) ซึ่งเป็นหน่วยแม่ ที่ จ.ปราจีนบุรี จนเป็น ผบ.พล.ร.2รอ. ซึ่งได้รับขนานนามว่าเป็น บูรพาพยัคฆ์
หลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 “ประยุทธ์” ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้น 1 ปีได้เป็น เสธ.ทบ. เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. จากนั้นอีก 1 ปี ได้เป็น รอง ผบ.ทบ. และเมื่อวันที่ 2 ก.ย. “ประยุทธ์” ก็ได้เป็น ผบ.ทบ.
สำหรับบัญชีโยกย้ายทหาร 550 นาย ที่จะมีผลวันที่ 1 ต.ค. มีตำแหน่งน่าสนใจ อาทิ พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก เพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหาร 12 ของ “ประยุทธ์” ได้ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก โดย พล.ท.ดาว์พงษ์ เป็นนายทหารที่มีบทบาทในการวางแผนด้านยุทธการในการสลายม็อบเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ พล.อ.ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. (ตท.10) ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. ส่วนนายทหาร ตท.11 อย่าง พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (ผบ.นปอ.) เป็น ผช.ผบ.ทบ.
นอกจากนี้ นายทหาร ตท.12 เพื่อนร่วมรุ่นของ “ประยุทธ์” ที่ขึ้นมาเป็นแผงอำนาจ เช่น พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็น แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็น แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.ยอดยุทธ บุญญาธิการ เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ พล.ต.อำพน ชูประทุม ได้เป็น พล.ท. ตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกำลังพล พล.ต.จิระเดช สิทธิประณีต เป็น รอง ผบ.นปอ. และ พล.ต.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย “ประยุทธ์” ขึ้นจาก เสธ.กองทัพภาคที่ 3 เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 3 จ่อใหญ่ในอนาคต
ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งนายทหารครั้งนี้ยังเป็นการเปลี่ยนหน่วยคุมกำลังแม่ทัพภาคทั้ง 4 กองทัพภาค คือ พล.ต.อุดมเดช สีตะบุตร (ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเป็นทหารเสือราชินี ได้ขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 คุมกำลังปฏิวัติสำคัญหลัก และ พล.ต.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ (ตท.13) รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็น แม่ทัพภาคที่ 4
ในขณะที่ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เป็นแค่ พล.อ. ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. ไม่ได้ขึ้น ผช.ผบ.ทบ. เพราะถูกกล่าวหาว่าไม่เต็มที่ และใจไม่ถึง ในการสั่งใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 ก็ไม่ได้เป็น ผช.ผบ.ทบ. ได้เป็น พล.อ. ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เนื่องจาก “ประยุทธ์” และเพื่อน ตท.12 ไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นเครือญาติกับ สส.พรรคเพื่อไทย ในภาคเหนือ อีกทั้งมีอายุราชการถึงปี 2556 จนหวั่นว่าจะมีเชื้อทหารแตงโม และหากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ หวั่นว่า พล.ท.ทนงศักดิ์ จะเป็น ผบ.ทบ. จึงต้องสกัดดาวรุ่ง ตีกันไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายทหารครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่แม่ทัพภาคหลักๆ ไม่ได้เป็นห้าเสือ ทบ. โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 1 โดย “ประยุทธ์” ต้องการให้โอกาสกองทัพภาคอื่นได้เติบโตบ้าง คือให้ พล.ท.พิเชษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ พล.ท.ยุทธศิลป์ ผบ.นปอ. เป็น ผช.ผบ.ทบ. ซึ่งไม่ได้ขึ้นห้าเสือ ทบ.มานานกว่า 10 ปีแล้ว ส่วน พล.ท.ยุทธศิลป์ ที่ขึ้นเป็น ผช.ผบ.นั้น คาดหมายว่าจะมาดูแลเรื่องงบประมาณและการส่งกำลังบำรุง
นอกจากนี้ ตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ที่มีการแต่งตั้งครั้งนี้ อาทิ พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็น รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล และ พล.ท.อรุณ สมตน เป็น รอง เสธ.ทบ. เหมือนกัน พล.ต.ธีรชัย นาควานิชย์ เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ต.คมสัน มานวกุล เป็น แม่ทัพน้อยที่ 2 และ พล.ต.ธงชัย เทพารักษ์ เป็น แม่ทัพน้อยที่ 3
พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รอง ผบ.สส. ข้ามมาเป็น ปลัดกลาโหม โดย พล.อ.กิตติพงษ์ ถือเป็นบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งเป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มานาน
ทั้งนี้ “บูรพาพยัคฆ์” ที่ขึ้นมาแรง คือ พ.อ.ภาณุวัชร นาควงษ์ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11)
กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ประธานที่ปรึกษา บก.ทท. เป็น เสนาธิการทหาร พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. ถูกเตะข้ามไปเป็น รอง ผบ.สส. พล.ท.วิศณุ ศรียะพันธ์ เป็น เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร พล.ท.เชาวฤทธิ์ ประภาจิตร์ เป็น ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล
กองทัพเรือ พล.ร.อ.ศุภกร บูรณดิลก ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็น ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น เสนาธิการทหารเรือ พล.ร.อ.ณรงค์ เทศวิศาล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.ท.สุวิทย์ ธาระรูป ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ
กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ดิลก ทรงกัลยาณวัตร ผช.ผบ.ทอ. เป็น รอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข รอง เสธ.ทอ. เป็น ผช. ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง ผบ.กรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.) เป็น ผช.ผบ.ทอ.
เมื่อพิจารณาจากบัญชีแต่งตั้งทั้งหมดแล้วต้องบอกว่าอำนาจในกองทัพบกทั้งหมดเวลานี้อยู่ในมือของ “ประยุทธ์” อย่างสิ้นเชิง ส่วนจะค้ำบัลลังก์ให้รัฐบาลประชาธิปัตย์อยู่ได้นานแค่ไหนต้องติดตาม


