พระบารมีแผ่ไพศาล
โดย...สมชาย สกุลสุรรัตน์
โดย...สมชาย สกุลสุรรัตน์
ปี 2559 ซึ่งเป็นปีแห่งความวิปโยคของปวงชนชาวไทย อันเนื่องมาจากการสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา
คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดอะไรเพิ่มเติม เพื่อตอกย้ำความเศร้าโศกเสียใจในความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนไทยที่ส่วนใหญ่เกิดและมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ตลอดชั่วชีวิต
ผมหวังว่าตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป คนไทยที่บอกว่ารักในหลวงจะร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการไว้ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
พูดถึงพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ถ้ามีโอกาสเดินทางไปเที่ยวชมหรือทัศนศึกษาโครงการต่างๆ ในพระราชดำริแล้ว จะซาบซึ้งถึงความจริงที่กล่าวกันว่าพระบารมีแผ่ไพศาล เพราะบางโครงการนั้นไม่ว่าจะก่อประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนและประเทศชาติแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะพระบารมีของพระองค์ท่านแล้ว จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยในประเทศนี้
เมื่อก่อนหน้านี้สองสามวัน ผมได้รับเชิญให้ไปร่วมงานมงคลสมรสของบุตรสาวของคนที่รู้จักกันมานานแล้วท่านหนึ่งใน จ.ลพบุรี เลยถือโอกาสไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หลายแห่ง เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำตกวังก้านเหลือง และทุ่งทานตะวันที่คนกรุงเที่ยวกัน เป็นต้น
สิ่งที่ประทับใจผมเมื่อได้ไปชมเขื่อน ชมน้ำตก และโครงการสาธิตเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไม่ใช่เฉพาะความชื่นชมในความงามของสถานที่และผลผลิตของโครงการ แต่เป็นความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อพสกนิกรของพระองค์ตั้งแต่การแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง และอุทกภัยในหน้าฝนของหลายจังหวัดใต้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่เคยเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนขึ้นโดยพระราชดำริของพระองค์
ผมไปชมทุ่งทานตะวันเหลืองอร่ามไปทั้งไร่แล้ว อดนึกไม่ได้ว่าถ้าไม่มีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในพระราชดำริ ดอกทานตะวันเหล่านี้จะมีให้คนกรุงไปเที่ยวชมกลายเป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยวใน จ.สระบุรี และลพบุรีไหม และตัวเขื่อนเองซึ่งวันที่ผมไปเที่ยวชมเห็นผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวชมเขื่อนมากมาย กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวหลักของ จ.สระบุรี และลพบุรีอีกแห่งหนึ่ง ถ้าไม่ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น ไม่แน่ว่าถึงวันนี้โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ด้วยเหตุผลนานัปการ
ความจริงประโยชน์หลักของโครงการในพระราชดำริอย่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คงไม่ได้อยู่ที่การท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้คนในท้องถิ่นจำนวนมากเท่านั้น แต่อยู่ที่ประโยชน์ด้วย การชลประทานป้องกันภัยแล้งและน้ำท่วม รวมทั้งการสำรองน้ำใช้และน้ำดื่มให้ราษฎรในภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เพราะสามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผมถือโอกาสเดินเข้าไปชมสันเขื่อนที่กำลังเปิดประตูน้ำปล่อยน้ำออกมาสู่ลำน้ำป่าสักด้านหลังเขื่อนมองไปยาวสุดลูกหูลูกตา ผมเห็นระดับน้ำในเขื่อนที่เก็บกักน้ำไว้ กับระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักใต้เขื่อนแล้ว สูงต่ำกว่ากันนับสิบเมตรแล้ว อดนึกไม่ได้ว่าถ้าไม่มีเขื่อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้สร้างไว้ น้ำที่เก็บไว้มากมายมหาศาลในเขื่อนคงไหลลงทะเลไปหมดแล้ว และช่วงที่น้ำมากราษฎรคงเดือดร้อนเพราะถูกน้ำท่วมปีแล้วปีเล่า เป็นปัญหาที่ทุกคนรู้ แต่ไม่แก้ไขหรือแก้ไขไม่ได้จนกระทั่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงลงมาแก้ไขปัญหาด้วยพระองค์เอง
พูดถึงเขื่อนนี้แล้ว ต้องบันทึกไว้เพื่อทราบว่าเป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คือยาวประมาณ 4,860 เมตร สูง 31.5 เมตร สันเขื่อนกว้าง 10 เมตร นอกจากตัวเขื่อนแล้วภายในยังมีหอเฉลิมพระเกียรติให้เยี่ยมชม แต่ที่ผมอยากเห็นและภาวนาให้เกิดคือ ขอให้รัฐบาลหรือหน่วยราชการแห่งใดแห่งหนึ่ง ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างยิ่งใหญ่สง่างามที่เขื่อนนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติของพระองค์และเป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้คนที่ไปเยี่ยมชมเขื่อน ผมเชื่อว่าประชาชนทุกคนคงอยากมีส่วนร่วมในการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ถ้ารัฐจะจัดทำขึ้นในลักษณะโครงการประชารัฐอย่างแน่นอน
นอกจากโครงการขนาดใหญ่อย่างโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว ผมมีโอกาสไปเที่ยวชมน้ำตกเล็กๆ ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนกรุงเทพฯ แต่ดูเหมือนว่าคนท้องถิ่นจะรู้จักกันดีและไปเล่นน้ำตกกันในอ่างน้ำปลายน้ำตกที่เกิดขึ้นจากน้ำที่ไหลขึ้นจากตาน้ำใต้ดินจึงมีน้ำไหลในลำธารทั้งปี เหมือนกับที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ครับ ผมเห็นโครงการเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำรัสอีกที่นี่ ได้แก่ ฝายกันน้ำที่พระองค์พระราชทานชื่อว่า ฝายแม้ว ที่ทรงทดลองใช้วัสดุธรรมชาติมากั้นน้ำในลำธารขนาดเล็ก เพื่อทดน้ำให้มีระดับสูงพอที่ชาวบ้านจะดึงน้ำไปใช้และชะลอการไหลของน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในดินให้มากพอที่จะฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรม
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงเข้าถึงประชาชนของพระองค์ในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่นเล็กๆ ไปที่ไหนจะเห็นโครงการในพระราชดำริหรือโครงการที่เกิดขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านอยู่ทั่วไป แม้แต่ในลำธารเล็กๆ อย่างน้ำตกวังก้านเหลือง
ก็ต้องบอกว่าภาคภูมิใจครับที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 เหมือนกับคนไทยคนอื่นในยุคนี้ส่วนมาก
สุดท้ายนี้ ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านเคารพสักการะ จงดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านคอลัมน์นี้ทุกท่านประสบโชคชัยความสุขและความสำเร็จตลอดปีใหม่ 2560 โดยทั่วกัน
สวัสดีปีใหม่ครับ


