กรมศิลป์เชิญไหว้ พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน
กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อัญเชิญพระพุทธรูปมงคลศักดิ์สิทธิ์โบราณ 10 องค์ ที่เป็นพระปฏิมาแห่งแผ่นดิน
โดย...ส.สต
กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อัญเชิญพระพุทธรูปมงคลศักดิ์สิทธิ์โบราณ 10 องค์ ที่เป็นพระปฏิมาแห่งแผ่นดิน ให้ประชาชนกราบสักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2560
ตามปกติเชิญมา 9 องค์ แต่เพิ่มเป็น 10 ปีนี้ โดยอัญเชิญพระพุทธรูปปางห้ามญาติ พระประจำวันเกิดวันจันทร์ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร วันเดียวกันกับวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
พระพุทธปฏิมาทั้ง 10 องค์ดังกล่าว คือ
1.พระพุทธสิหิงค์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” เพราะมีความสัมพันธ์กับพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย หรือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตามข้อสันนิษฐานจากหลักฐานประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้พระพุทธสิหิงค์ซึ่งประดิษฐานถาวร ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ จึงเป็นดั่งประธานของพระพุทธรูปที่นำมาประดิษฐานเพื่อการสักการบูชาทั้งปวงในปีใหม่ทุกปี
2.พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ทั้งนี้ ตามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชอุทิศพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นจำนวน 34 ปาง (องค์) เพื่อถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินสยามรัชกาลต่างๆ ในกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี และกำหนดให้พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นพระพุทธรูปประจำรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
3.พระพุทธรูปปางจงกรมแก้ว เป็นพระพุทธรูปประจำ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
4.พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา เป็นพระพุทธรูปประจำ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
5.พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร เป็นพระพุทธรูปประจำ “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
6.พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร เป็นพระพุทธรูปประจำ “พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
7.พระพุทธรูปปางขอฝน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษาในปางขอฝน (พระคันธารราฐ) ตามความที่ปรากฏในพระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ว่า ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้ พระพุทธรูปที่เหลือจากทรงพระราชอุทิศถวายพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนมีอยู่ 2 ปาง คือ พระลองหนาว และพระคันธารราฐ จึงได้ทรงเลือกพระคันธารราฐเป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมพรรษา
และเพราะเหตุที่ท่านผู้ใหญ่เห็นว่า เมื่อก่อนปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประสูตินั้น ฝนแล้ง ข้าวในนาก็เสียมาก เมื่อปีที่ประสูติต้นปีก็ฝนแล้ง แต่เมื่อเวลาประสูติ ในทันใดนั้นฝนตกมาก ตามชาลาในพระราชวังท่วมเกือบถึงเข่า เห็นกันว่าเป็นการอัศจรรย์อยู่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งให้เป็นหน้าที่สำหรับทำพิธีฝนแต่เล็กมา จึงได้ตกลงกันให้ใช้พระคันธารราฐเป็นพระประจำพระชนมพรรษา ซึ่งเป็นพระคันธารราฐนั่ง แต่เนื่องจากในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไม่มีพระพุทธรูปปางขอฝนประทับนั่ง จึงใช้พระพุทธรูปปางขอฝนประทับยืนในการจัดแสดงครั้งนี้แทน
8.พระพุทธรูปปางลองหนาว เป็นพระพุทธรูปประจำ “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”
เหตุที่เลือกปางนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงมีทัศนะว่า “เป็นปางที่สมควรแก่พระประสูติมงคลสมัยอันมีในเหมันตฤดูกาล”
9.พระพุทธรูปปางสมาธิใต้ร่มโพธิ์เหนือมารผจญ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” รัชกาลที่ 9 พระพุทธรูปปางสมาธิที่มีลักษณะพิเศษองค์นี้ นำมาประดิษฐานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เพื่อให้ประชาชนสักการบูชาในศุภวาระขึ้นศักราชใหม่ พุทธศักราช 2560 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระธรรมราชาธิราชอันเป็นที่รักเทิดทูนประทับอยู่ในจิตใจของพสกนิกรไม่เสื่อมคลาย
10.พระพุทธรูปปางห้ามญาติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” เนื่องด้วยทรงพระราชสมภพในวันจันทร์
สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นำพระพุทธรูปปางต่างๆ ข้างต้น มาประดิษฐานเพื่อการสักการบูชา ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2559-31 ม.ค. 2560 ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์


