จะไป SAGA 15
สัปดาห์นี้จะมาเฉลยว่า ทำไมเสาโทริอิของศาลเจ้า Inari ส่วนใหญ่จึงเป็นสีแดง คำตอบคือ รูปปั้นสุนัขจิ้งจอก
สัปดาห์นี้จะมาเฉลยว่า ทำไมเสาโทริอิของศาลเจ้า Inari ส่วนใหญ่จึงเป็นสีแดง คำตอบคือ รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกซึ่งเป็นสัตว์นำสาส์นของเทพอินารินั้น มีผู้คนมากระซิบฝากข้อความส่งไปยังท่านเทพมากหน้าหลายตา
การฝากส่งข้อความก็มักจะมีของมาเซ่น ที่นิยมกันมากที่สุดคือผ้ากันเปื้อนของเด็กที่เป็นสีแดง เหมือนกับที่ชาวญี่ปุ่นนิยมนำไปผูกให้กับรูปปั้น Jiso Bosatsu หรือพระกษิติครรภโพธิสัตว์ แต่ทำไมสุนัขจิ้งจอกถึงชอบผ้ากันเปื้อนของเด็กนี่สิครับที่ผมยังหาข้อมูลที่จริงแท้ไม่เจอ เลยต้องใช้วิธีเชื่อมโยงข้อมูล
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าบรรดารูปปั้นสุนัขจิ้งจอกที่หน้าศาลเจ้าอินาริทั้งหลายนั้นมักจะคาบอะไรไว้ด้วย มีทั้งอัญมณี กุญแจ ฟ่อนข้าว ม้วนหนังสือ และลูกสุนัข ก็เลยอนุมานว่า ชาวบ้านเห็นสุนัขจิ้งจอกคาบลูกเลยเอาผ้ากันเปื้อนของเด็กมาผูกให้อะไรประมาณนี้แหละ ไม่ยืนยันว่าใช่แต่ก็คิดว่าใกล้เคียงครับ ผ้ากันเปื้อนของเด็กสีแดงก็เลยเป็นของคู่กันกับรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกสัตว์นำสาส์นของเทพอินาริไปโดยปริยาย ส่งผลไปถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเขตศาลเจ้าอินาริทั้งหลายพลอยถูกทาสีแดงไปด้วยโดยเฉพาะเสาโทริอิ เพราะเสาโทริอินั้นเป็นสัญลักษณ์สำคัญของศาสนสถานในศาสนาชินโตที่แสดงถึงอาณาเขต ดังนั้นเมื่อเราเข้าสู่เขตของศาลเจ้าอินาริจึงมักจะเห็นเสาโทริอิสีแดงอยู่เสมอ
ในที่สุดเราก็มาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้า ที่ซึ่งทุกคนจะต้องหยุดถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ตัวศาลเจ้าที่สร้างอยู่บนเขาสวยสดเห็นเด่นแต่ไกล ใครมีปัญหาเรื่องข้อเข่าก็สามารถใช้บริการลิฟต์ได้ในราคา 300 เยน แต่เราเลือกเดินขึ้นจะได้เห็นบรรยากาศของลานด้านล่างด้วย มีอาคารให้เช่าเครื่องรางที่ด้านข้างประตูเข้า แต่มีอย่างหนึ่งที่แปลกออกไปจากความคุ้นเคยก็คือ “ป้ายม้า” ขนาดใหญ่ที่เขียนอักษรกลับด้าน ต้นฉบับไม่ผิดนะครับ ผมตั้งใจเขียนคำว่า “ป้ายม้า” ไม่ใช่ ป้ายไม้ เพราะในภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า Ema หรือภาพม้า ที่มาที่ไปก็เหมือนจะเคยเล่าไปแล้ว
เอาย่อๆ ละกัน สมัยก่อนเหล่าซามูไรมักจะนำม้าซึ่งถือว่าเป็นพาหนะของซามูไรชั้นสูง มาถวายเทพเจ้า จึงถือได้ว่าเป็นเครื่องถวายชั้นดี ทีนี้ซามูไรชั้นรองๆ ที่ม้ายังไม่มีจะขี่เกิดอยากถวายบ้าง จึงได้ทำแผ่นไม้รูปม้าขนาดเท่าของจริงมาถวายแทน ในภายหลังการถวายแผ่นไม้รูปม้าเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ชาวบ้านมากขึ้น การทำแผ่นไม้ก็ลดขนาดลงจนเหลือเป็นป้ายไม้ มีรูปม้าบ้างไม่มีบ้างอย่างที่เราเห็นกันตามศาลเจ้าในปัจจุบัน และยังคงเรียกว่า “ป้ายม้า” หรือ Ema กันอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ป้ายม้าที่ตัวอักษรกลับด้านนี่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ถามเจ้าหน้าที่จังหวัดก็ตอบไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องไปขอความรู้จากผู้ดูแลศาลเจ้ามาไขข้อข้องใจ
คำว่าม้า ภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า Uma ป้ายม้าที่นำตัวคันจิ Uma มาเขียนกลับข้างนั้น เป็นการเล่นคำให้อ่านว่า Mau ซึ่งหมายถึง การร่ายรำในสมัยก่อน ซึ่งจะร่ายรำกันในงานเฉลิมฉลองเทพเจ้า ดังนั้นการเขียนขอพรลงบนป้ายม้าของศาลเจ้า Yutoku Inari นอกจากจะเสมือนได้ถวายม้าแล้ว ยังเสมือนได้ร่ายรำถวายเทพเจ้าอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ด้านข้างบันได ก็ยังมีรูปปั้นม้าไว้ให้ไปลูบๆ คลำๆ เจ็บป่วยปวดเมื่อยตรงไหนก็ให้ลูบคลำม้าในตำแหน่งเดียวกัน แล้วขอให้หายเจ็บหายปวด หรือจะเช่าเครื่องรางก็มีให้เลือกเยอะ ทุกวัดหรือศาลเจ้าใหญ่ๆ มักจะมีเครื่องรางหลากหลายชนิดให้เช่า แต่ถ้าดูจากเทพประจำศาลเจ้าแล้ว ต้องยกให้เทพอินาริเพราะเป็นเทพที่คุ้มครองและปกปักรักษาทุกชนชั้นและหลากสาขาอาชีพ ผมเลยสอยเครื่องรางมาห้าชิ้นครอบคลุมทั้งเรื่องการเงิน การค้า สุขภาพ โชคลาภ และขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี พร้อมขอพรให้ปีหน้าลูกทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรืองประสบแต่ความสุขความเจริญด้วยเทอญ


