ในหลวง ร.9 พระราชินีและพระราชธิดาเสด็จฯ วัดยาง

โดย...ส.สต

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2516 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินจากวังไกลกังวล หัวหิน ถึงวัดยาง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง

หนังสือพระเจ้าอยู่หัวกับวัดไทย โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เขียนเล่าว่า ขณะนั้น พระเทพวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดยาง และพระภิกษุในวัด กำลังประกอบสังฆกรรมสวดพระปาติโมกข์อยู่ในอุโบสถ เมื่อทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มา จึงได้หยุดสวดกระทำสุตบทแล้วออกมารับเสด็จ

เมื่อพระเทพวงศาจารย์พร้อมด้วยพระครูประกาศวชิรธรรม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ขึ้นไปรับเสด็จบนกุฏิ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสว่า พระสงฆ์ลงอุโบสถอยู่ใช่ไหม พระเทพวงศาจารย์ได้ถวายพระพรให้ทรงทราบว่า “พระสงฆ์กำลังฟังปาติโมกข์อยู่” พระองค์จึงทรงมีพระราชดำรัสต่อไปอีกว่า “ทำไมหยุดเสียเล่า” พระเทพวงศาจารย์ได้ถวายพระพรให้ทรงทราบว่า “สมเด็จพระบรมศาสดาทรงมีพระพุทธานุญาตไว้ว่าเมื่อพระราชาเสด็จฯ ให้พระสงฆ์สวดพระปาติโมกข์ย่อได้ ขอถวายพระพร”

หลังจากที่ได้ทรงตรัสถามถึงเรื่องอื่นอีกเล็กน้อย เจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสจึงนำเสด็จฯ สู่อุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกราบพระปฏิมาประธานทรงปฏิสันถารกับเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาส ตอนหนึ่งทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง ว่า

“การใดที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย ขอพระคุณท่านได้โปรดอนุเคราะห์แก่ประชาชนด้วย” นับเป็นพระราชดำรัสที่นอกจากจะเป็นมหามิ่งมงคลต่อวงการคณะสงฆ์และบวรพระพุทธศาสนาแล้ว ยังแสดงถึงน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาที่มีต่อไพร่ฟ้าประชาชน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปฏิสันถารอยู่เป็นเวลาพอสมควร จึงได้เสด็จฯ จากอุโบสถพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระองค์ทรงทอดพระเนตรสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในวัด เช่น อุโบสถ หอไตร โรงเรียนพระปริยัติธรรม และการทำช่อฟ้า ซึ่งมีพระครูประกาศวชิรธรรมเป็นผู้ถวายคำอธิบาย ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปฏิสันถารอยู่กับพระเทพวงศาจารย์ และทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับทราบเรื่องราวแล้วก็จะมาตรัสกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ว่า สิ่งนั้น สิ่งนี้ เป็นฝีมือพระท่านออกแบบหรือจัดทำขึ้น

ระหว่างเสด็จฯ มีราษฎรรู้ข่าวจึงพากันมารอรับเสด็จเป็นจำนวนมาก เมื่อพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ วัดยาง เสร็จสิ้นลง พระองค์จึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จฯ กลับวังไกลกังวล หัวหิน ในเวลาจวนเย็นค่ำของวันนั้น คงไว้แต่ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น เป็นสิริมงคลแก่วัดยางและปวงชนชาว จ.เพชรบุรี และชาวไทยทุกคน

 พระเทพวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดยาง นามเดิม อินทร์ นามสกุล พรหมโลก อุปสมบทแล้วมีฉายาว่า อินฺทโชโต ถือกำเนิดที่บ้านไร่คา ต.ลาดโพธิ์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ต.ค. 2429 มรณภาพวันที่ 28 ก.พ. 2524 อายุได้ 95 ปี ถ้านับเวลาตั้งแต่บรรพชาและอุปสมบทรวมกันจะได้ 82 พรรษา

คณะศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลแล้วจึงเก็บศพท่านไว้เป็นเวลา 6 ปี โดยได้บำเพ็ญกุศลพระราชทานเพลิง เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2530

ผลงานทางด้านศิลปะการช่างส่วนมาก เป็นธรรมาสน์เทศน์ เมรุเผาศพ ช่อฟ้าใบระกา หอระฆัง ศาลาและอุโบสถ เป็นต้น รวมทั้งสร้างโรงเรียนอาชีพแห่งแรกของ จ.เพชรบุรี มีชื่อเป็นทางการว่า “โรงเรียนช่างไม้วัดยาง” จนพัฒนามาเป็น วิทยาลัยเทคนิคเพชรบุรี ในปัจจุบันนี้

 พระเทพวงศาจารย์ อินฺทโชโตมหาเถระ ปรมาจารย์รูปหนึ่งของ จ.เพชรบุรี ผลิตทั้งศิลปวัตถุและบุคลากร ประเภทช่างสาขาต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ใครบวชวัดยางไม่เป็นช่าง ก็เสมือนว่าไม่ได้บวชวัดยาง บุคลากรเชื้อสายวัดยางได้สร้างงานไว้เป็นมรดกของชาติมากมาย ทั้งใน จ.เพชรบุรี และต่างจังหวัด

แม้ท่านมรณภาพไปแล้ว แต่งานของท่าน เหล่าช่างที่ท่านปั้นมากับมือ เป็นผู้สร้างงานไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า...