เกษตรกรคือหัวใจ
วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตร
วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตร เพราะเกี่ยวข้องกับประชาชนกว่า 70% ของประเทศ ประชากรส่วนใหญ่ของไทยเป็นเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ข้าวโพด ชาวไร่มัน ชาวสวนปาล์มน้ำมัน อีกทั้งภูมิศาสตร์ของไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารสุทธิ เริ่มตั้งแต่ข้าว มัน ยาง ไก่ และประมง ดังนั้นการที่ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมทำให้มีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก และเป็นบุคคลที่มีโอกาสน้อยกว่าคนทำธุรกิจ ดังนั้นสินค้าเกษตรก็ยังต้องเป็นหัวใจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
“กรมการค้าภายในถือเป็นกรมสำคัญเพราะเป็นกรมที่ต้องคลุกคลีกับพี่น้องเกษตรกรมากสุด ทำให้กรมจะต้องเป็นเสาหลักในการดูแลพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นบุคคลที่มีโอกาสน้อยกว่าคนที่ทำธุรกิจ เพราะจะไปแก้ปัญหากดปุ่มเหมือนสินค้าอุตสาหกรรมไม่ได้ เช่น สินค้าผลิตเยอะ ก็หยุดผลิต แต่สินค้าเกษตรกรรมขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ พอสภาพอากาศดีผลผลิตก็มาเต็ม อย่างปีที่ผ่านมาดินฟ้าอากาศไม่ดีของผลิตออกไม่ได้ ราคาของก็แพง ดังนั้นกรมจึงต้องดูแลให้เกิดความสมดุลและเกิดความเรียบร้อยในประเทศให้มีสินค้าที่เพียงพอ ราคาเป็นธรรม และดูแลเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรม” วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว
เกษตรกรในยุคปี 2522 มีความแตกต่างกับปัจจุบัน เพราะปี 2522 จะเป็นเกษตรกรที่พอเพียง ถึงแม้จะได้รายได้เท่านั้น ก็อยู่ได้ด้วยความสุข แต่เกษตรกรปัจจุบันแตกต่างตรงที่สถานการณ์โลกได้เปลี่ยนแปลงไป ความพอเพียงที่เคยพอในครอบครัวไม่พอ เกิดการขาดแคลน และเกิดความแสวงหาความสะดวกสบายที่เท่าเทียม เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายจ่ายต่อครัวเรือนสูงขึ้น ถ้าไม่หนักแน่นด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะมีความร้อนอยู่ในตัวมาก เพราะการแสวงหาอะไรต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแสวงหาก็ทำคุณภาพชีวิตของคนยุคปัจจุบันดีขึ้น เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกรวดเร็ว
สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ต้องสื่อสารกับเกษตรกร ก่อนอื่นต้องเข้าใจเกษตรกรก่อนว่า เกษตรกรมีความต้องการหลากหลายมากขึ้น ดังนั้นทำอย่างไรให้รายได้อยู่ในระดับมากขึ้น พอใจ แต่ไม่ใช่เกินกำลัง กระทรวงพาณิชย์ต้องพยายามที่จะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตร โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ซึ่งการทำนาจะทำด้วยพื้นที่เพื่อเพิ่มผลผลิตคงไม่ใช่ แต่ควรเป็นการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ หรือทำงานน้อยได้เงินมาก แต่ไม่ใช่ทำนา 50 ไร่ ผลผลิตเท่ากับคนทำนา 25 ไร่
“จุดนี้คือความท้าทายและเป็นแนวที่อยากให้ทำและต้องเอาใจใส่คุณภาพ เพราะโปรดักต์ที่มีคุณภาพขายได้ ดีกว่าโปรดักต์ที่ทิ้งขว้าง ซึ่งตกหล่นกลางทางเยอะ เรื่องการค้นคว้านวัตกรรมต่างๆ ต้องนำมาช่วย ทำให้ไทยถึงจำเป็นต้องมีสถาบันนวัตกรรมสินค้าเกษตรขึ้นมา เพื่อเป็นบทบาทในการขับเคลื่อน”
วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่า แม้กระทรวงพาณิชย์จะมีบทบาททั้งงานต่างประเทศและในประเทศ แต่น้ำหนักของการดูแลแต่ละช่วงแตกต่างกัน ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเน้นต่างประเทศ หรือในประเทศอย่างเดียว แต่ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายในแต่ละช่วงปี อย่างอดีตที่ผ่านมาการเปิดการค้าเสรีมันเป็นตัวนำการค้า ถ้าประเทศนี้เปิดแต่ไทยไม่เปิด ทำให้โอกาสของนักธุรกิจไทยแข่งขันน้อยลงต้องเร่งเจรจาให้ทันคนอื่น
ขณะที่ในประเทศเมื่อเปิดการเจรจาแล้ว การแข่งขันในประเทศจะเกิดขึ้น ดังนั้นจะต้องปรับปรุงคุณภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพของสินค้าไทยแข่งขันด้วย แต่หากว่าไม่ไปด้วยกัน คือเมื่อเปิดเสรีแล้ว สินค้าไทยแข่งขันไม่ได้ รัฐก็ต้องใช้มาตรการต่างๆ มาช่วยดูแลจนกว่าจะแข่งขันได้
“เป้าหมายคือการทำให้เกษตรกรไทยเข้มแข็งต้องเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ไม่ใช่แค่ขายวัตถุดิบ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ทำการค้าด้วยตัวเองได้ ซึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นกับราคาข้าวขณะนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ชาวนาปรับตัว ซึ่งกระทรวงก็มีแผนในการทำงานที่จะช่วยให้เกษตรกรทำการค้าได้ และมีการใช้นวัตกรรมมาแปรรูป แทนที่ขายวัตถุดิบ ก็ทำอย่างอื่นเพิ่มเพื่อสร้างมูลค่าสินค้า” วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว


