พระบรมสารีริกธาตุ วัดธรรมมงคล
อาจารย์ลักขณา บรรพกาญจน์ (ป้อม) ติดตามหลวงพ่อพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) วัดธรรมมงคล
โดย...อ.ลักขณา (ป้อม)
อภินิหารบรมสารีริกธาตุ
อาจารย์ลักขณา บรรพกาญจน์ (ป้อม) ติดตามหลวงพ่อพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท 101 ซอยปุณณวิถี 20 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ไปทอดกฐิน ที่ประเทศแคนาดา ถ่ายทอดเรื่องราวที่หลวงพ่อเล่าให้สานุศิษย์ฟังผ่านไลน์ปราชญ์แห่งธรรม เป็นเรื่องอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา จึงขออนุญาตมาถ่ายทอดต่อดังนี้
เมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 2559) พระอาจารย์หลวงพ่อเมตตาเล่าที่มาของพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่บนชั้น 14 ของพระมหาเจดีย์ วัดธรรมมงคล ให้คณะทอดกฐินจากประเทศไทยรับฟัง ขอเรียบเรียงมาถ่ายทอดให้รับฟังกัน ดังนี้
ในราวปี 2517 พระภิกษุสงฆ์ชาวบังกลาเทศได้เดินทางมาประเทศไทย แจ้งความประสงค์ที่จะมอบพระบรมสารีริกธาตุให้กับมหาเถรสมาคม (มส.) แห่งประเทศไทย แต่ มส.ไม่ต้องการรับ พระภิกษุสงฆ์รูปนี้จึงเดินทางไปพบพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ที่วัดธรรมมงคล พระอาจารย์หลวงพ่อสนใจที่จะรับพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว เมื่อประสานงานกันแล้ว พระอาจารย์หลวงพ่อจึงเดินทางด้วยเครื่องบินพร้อมคณะทั้งหมด 12 คน ไปขอรับพระบรมสารีริกธาตุจากสมเด็จพระสังฆราช ณ วัดโคตมวิหาร เมืองจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ
พระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ พระภิกษุสงฆ์ชาวบังกลาเทศรูปหนึ่งได้ค้นพบโดยบังเอิญในขณะจาริกธุดงค์ในป่า เนื่องจากเห็นแสงฉัพพรรณรังสีพวยพุ่งออกมาจากผอบในเจดีย์ร้างแห่งหนึ่ง จึงได้อัญเชิญมา พบว่ามีจำนวนทั้งหมด 9 องค์ (9 ชิ้น) ซึ่งทางสมเด็จพระสังฆราชแห่งบังกลาเทศต้องการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เพียง 1 องค์เท่านั้น แต่พระอาจารย์หลวงพ่อได้แจ้งความประสงค์ไปว่า ถ้าได้รับ 5 องค์ ก็จะสร้างพระมหาเจดีย์สูงที่สุดในประเทศไทย เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ให้สมพระเกียรติ ซึ่งทางบังกลาเทศก็ยินดีมอบให้ 5 องค์ ตามความประสงค์
พระอาจารย์หลวงพ่อ เมตตาเล่าต่อว่า เมื่อรับมอบพระบรมสารีริกธาตุมาแล้ว คณะได้พักอาศัยในโรงแรมเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไทย ทุกคนได้นั่งสมาธิต่อหน้าผอบพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งปรากฏว่าได้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นให้คณะเห็นเป็นประจักษ์ เนื่องจากผอบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเคลื่อนที่ได้ ขณะเคลื่อนที่ก็บังเกิดเสียงดังแกร๊กๆ ทุกคนตกตะลึงในสิ่งที่เห็นกันทุกคน เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อพระสงฆ์อีกนิกายหนึ่งของบังกลาเทศทราบข่าว จึงพาชาวบ้านมาเดินขบวนประท้วงคณะพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ไม่ให้เดินทางกลับไทย ต้องการพระบรมสารีริกธาตุคืน ซึ่งทางท่านทูตไทยในขณะนั้น คือ ท่านสุรชิต ขนิษฐานนท์ ไปเจรจาแล้วก็ไม่ได้ผล ถึงขั้นประท้วงปิดสนามบินไม่ให้เดินทางกลับ ในขณะที่ตั๋วเครื่องบินก็เต็มทุกที่นั่ง ท่านทูตจึงขอร้องคนไทยที่มีตั๋วเครื่องบินแล้วในเที่ยวนั้น ให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน เพื่อจะได้เปลี่ยนที่นั่งกับคณะทั้ง 12 คน เพื่อเดินทางออกจากบังกลาเทศเร็วที่สุด ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
เมื่อเครื่องบินลำนั้นบินกลับมายังสนามบินดอนเมือง ปรากฏว่ามีผู้คนเห็นแสงสว่างไสวรอบๆ เครื่องบินลำนั้น เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พระอาจารย์หลวงพ่อ เมตตาเล่าต่อว่า ในค่ำคืนหนึ่งพระอาจารย์หลวงพ่อได้ตื่นขึ้นมาพบลำแสงฉัพพรรณรังสีเป็นพวยพุ่งจากกุฏิที่ตั้งผอบพระบรมสารีริกธาตุ (ขณะนั้นยังไม่ได้สร้างพระมหาเจดีย์) ลำแสงพาดยาวข้ามขอบฟ้าไปยังประเทศบังกลาเทศ น่าอัศจรรย์มาก
พระอาจารย์หลวงพ่อ เมตตาเล่าต่อว่า ทุกวันนี้ก็ยังมีคนเห็นลำแสงที่พระมหาเจดีย์ วัดธรรมมงคล ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ พร้อมทั้งพระเกศาธาตุและพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระพุทธเจ้า ลำแสงฉัพพรรณรังสีนี้เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่เป็นอจินไตย ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้
ศิษยานุศิษย์ของพระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ทุกท่านจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของพระบรมสารีริกธาตุที่วัดธรรมมงคล ว่ามีที่มางดงามอย่างไร เพื่อจักได้กราบนมัสการอย่างสนิทใจ เพื่อเป็นมงคลในชีวิต


