posttoday

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง

24 ตุลาคม 2559

ประสบการณ์จากเกษตรกร หลักปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางนำชีวิตสู่การมีกิน-มีสุขอย่างแท้จริง

ประสบการณ์จากเกษตรกร หลักปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางนำชีวิตสู่การมีกิน-มีสุขอย่างแท้จริง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น เป็นหลักที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้คนในทุกระดับชั้นของสังคม และโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร การน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการประกอบอาชีพก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่นำไปสู่การมีกินมีสุขอย่างแท้จริง และทำให้เกษตรกรอยู่รอดได้แม้ราคาผลผลิตจะขึ้นลงตามฤดูกาล

นิวัทธ์  สุนทรรักษา  วัย 75 ปี อดีตนายตรวจไปรษณีย์จังหวัดบุรีรัมย์ ชาวบ้านหนองไม้แดง  ตำบลบ้านบัว  อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ผู้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ เล่าว่า เขาเลี้ยงปลาในบ่อดิน และปลูกพืชผักสวนครัวแบบผสมผสานรอบบริเวณบ้านและสวนบนเนื้อที่ 3 ไร่รวมกว่า10 ชนิด อาทิ กล้วยหอม  กล้วยน้ำว้า เผือกจีน  เผือกหอม  เผือกดำมะนาว  ต้นหอม  ข่า  และมะละกออีกหลากหลายสายพันธุ์โดยใช้ปุ๋ยหมักจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทำขึ้นเอง ด้วยการนำมูลสุกรมูลไก่ ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นไปหมักกับแกลบ เศษอาหาร  หญ้าแห้งเพื่อรดบำรุงพืชผักแทนการใช้สารเคมี โดยนิวัทธ์ทำการเกษตรแบบผสมผสานควบคู่กับการทำหน้าที่พนักงานรัฐวิสาหกิจมากว่า 60 ปี

ผลที่ได้รับก็คือ นิวัทธ์ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีรายได้จากการปลูกพืชผักขายสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้อย่างมีความสุข  ไม่มีหนี้สิน ไม่ต้องดิ้นรน รวมทั้งได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์และภูมิปัญญาไปสู่ผู้ที่สนใจได้นำไปปฏิบัติต่อ

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง นิวัทธ์

"หากคนไทยทุกคนน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงไปเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต  ก็จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข  มีอยู่มีกิน โดยไม่ต้องดิ้นรน"นิวัทธ์สรุปประสบการณ์ที่เข้าได้รับหลังจากใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินชีวิตมายาวนาน

เขากล่าวอีกว่า ในหลวงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก และชีวิตที่เหลือของตัวเองก็จะขอยืนหยัดอยู่บนความพอเพียง ทำดี ซื่อสัตย์ สุจริตไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อตอบแทนในความดีของพระองค์และตอบแทนคุณแผ่นดิน

ประสบการณ์ที่ นิวัทธ์ ได้รับ ไม่ต่างจาก วิรัตน์ กาญจพรหม อาจารย์วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตรัง และปราชญ์แห่งบ้านหนำควาย ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมืองตรัง  ซึ่งได้พลิกฟื้นพื้นที่สวนยางพารากว่า 6 ไร่ มาสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ นับตั้งแต่ปี 2547ที่ผ่านมา  ด้วยความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตรออกไปสู่สังคม 

วิรัตน์ปลูกพืชผักเสริมลงไปจนเต็มพื้นที่สวนยางพารา ควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์นานาชนิด  ส่งผลให้มีอาหารในการดำรงชีวิตประจำวัน และเหลือส่งขายเป็นอาชีพเสริม โดยไม่ต้องพึ่งรายได้จากการกรีดยางพาราอย่างเดียวอีกต่อไป  จนเป็นแบบอย่างที่ดีให้เกษตรกรที่สนใจมาเยี่ยมดูงานไม่ขาดสาย

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง วิรัตน์

"พืชผักพื้นบ้านที่ปลูกแซมระหว่างต้นยางพารานั้น จะเน้นชนิดที่รับประทานได้ทุกวัน  ส่วนสัตว์ที่เลี้ยง เช่น ปลา กบ ไก่ แพะ วัว ก็สามารถผสมผสานได้อย่างลงตัว  โดยที่ยังคงกรีดยางพาราได้ตามปกติ แต่มีเงินไหลเข้ามาสู่ครอบครัว  หรือวันไหนที่กรีดยางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังกินอิ่ม เพราะผลผลิตจากพืชและสัตว์เหล่านี้  เนื่องจากในชีวิตจริงของชาวใต้ ปีหนึ่งๆ จะกรีดยางได้แค่ 4 เดือนเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือต้องเผชิญกับปัญหาฝนตกและฝนแล้ง  ซึ่งหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้น จึงจะสามารถนำพาให้เกษตรกรอยู่รอดได้"วิรัตน์กล่าว
 

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง

 

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง

 

"เศรษฐกิจพอเพียง" แนวทางสู่การ "มีกิน-มีสุข" อย่างแท้จริง

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68