ธาร์มาน ชันมูการัตนัม ว่าที่นายกฯ สิงคโปร์?
สิงคโปร์กำลังเปลี่ยนไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต่างไปจากภาพที่เราคิดกัน
สิงคโปร์กำลังเปลี่ยนไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต่างไปจากภาพที่เราคิดกัน
สิงคโปร์ถือเป็นรัฐของนักวิชาการอย่างแท้จริง โดยเพียบพร้อมไปด้วยผู้มีความรู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก และแทบไม่มีปัญหาเรื่องการเล่นการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น การถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองจากผู้นำรุ่นก่อตั้งประเทศตั้งแต่ยุคของ ลีกวนยิว สู่ โก๊ะจ๊กตงในปี 1990 และส่งต่อไปยัง ลีเซียนลูง ในปี 2004 ก็เป็นไปอย่างราบรื่นชนิดที่ว่า แค่มีบทความสักชิ้นหนึ่งที่เขียนถึงการสืบทอดอำนาจเมื่อสัก 6 เดือนที่แล้ว ก็ถือเป็นเรื่องตลกแล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญ 2 ครั้งที่กำลังสั่นสะเทือนสิงคโปร์ โดยเมื่อเดือน พ.ค. เฮงสวีเกียต รัฐมนตรีคลัง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดยุคที่ 4 ล้มลงระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีจากอาการโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค. โดยนายกฯ ลีเซียนลูง เป็นลมระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ถ่ายทอดสดผ่านทีวี
เหตุการณ์ที่ลีเซียนลูงหมดสติ ก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับสิงคโปร์ที่มีความสมดุลอย่างมากมาตลอด และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญ “พายุลูกใหญ่” จากปัจจัยเสี่ยงที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันหลายอย่าง ตั้งแต่ความต้องการสินค้าที่ลดลงจากจีน ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตกต่ำ การค้าปลีกที่ซบเซา และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1-2% เท่านั้นในช่วงสิ้นปี 2016
แม้ว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรี เตียวฉีเฮียน จะอธิบายกับผู้ชมการถ่ายทอดสดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และการกล่าวสุนทรพจน์จะดำเนินต่อไป แต่บุคคลหนึ่งที่กำลังดูการถ่ายทอดกล่าวกับผมว่า ดูเหมือนเตียวจะแค่แจ้งเตือนพวกเราเฉยๆ มากกว่า จนดูเหมือนเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีความสำคัญมากนัก
หลังผ่านไป 20 นาที ธาร์มาน ชันมูการัตนัม รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนที่ 2 ได้ขึ้นมากล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชนสิงคโปร์ แม้ว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์กำลังเพิ่มขึ้น เขายังคงมีท่าทีสงบนิ่งและเชื่อมั่นในตนเอง ธาร์มานดูจะรับรู้ถึงความตกใจของประชาชน เขาจึงกล่าวว่าได้พูดคุยกับนายกฯ ลี และหมอแล้ว โดยเสริมว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วในขณะนี้
ขณะที่กำลังมองดูธาร์มานกล่าวถ้อยแถลงอย่างไร้ที่ติ ผมรู้ได้ว่ากำลังเห็นผู้มีสัญชาตญาณทางการเมืองอย่างแท้จริง โดยภายในเวลาไม่กี่นาที รองนายกฯ สิงคโปร์ผู้นี้ได้เชื่อมต่อความรู้สึกกับประชาชนทั้งชาติ แบ่งรับความวิตก และบรรเทาความหวาดกลัวของพวกเขา
ผมคิดตรงข้ามกับผู้คร่ำหวอดทางการเมืองหลายรายของสิงคโปร์ว่า ความเป็นผู้นำไม่สามารถประดิษฐ์ขึ้นมาได้
บางคนอาจหยิบยกประเด็นความนิยมในตัวธาร์มานขึ้นมากล่าวอ้างเมื่อพิจารณาจากผลคะแนนที่โดดเด่นในเขตเลือกตั้งกลุ่มผู้แทนจูรง และทักษะการสื่อสารที่เหนือกว่าของธาร์มาน
แต่สำหรับผม การทดสอบที่แท้จริงคือช่วงเวลาหลังจากที่นายกฯ ลี หมดสติ เมื่อธาร์มานตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องเข้าแทรกแซงสถานการณ์ และทำให้ทั้งประเทศอยู่ในความสงบ
อย่างไรก็ดี โอกาสที่ธาร์มานจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในอนาคตกำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักในสิงคโปร์
เมื่อมองภายนอกแล้ว ธาร์มานดูมีคุณสมบัติครบสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นวุฒิการศึกษาระดับสูงจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อีกทั้งยังมีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งประธานธนาคารกลางสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส) รวมถึงเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ธาร์มานยังมีประสบการณ์ในระดับนานาชาติด้วยเช่นกัน โดยเคยเป็นประธานคณะกรรมการการเงินและการคลังระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟซี) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
อย่างไรก็ดี บทความที่กล่าวถึงตัวเต็งผู้สืบทอดตำแหน่งจากนายกฯ ลีเซียนลูง จำนวน 6 ราย เมื่อไม่นานนี้ใน สเตรท ไทม์ส สื่อท้องถิ่นของสิงคโปร์ กลับตัดธาร์มานออกจากรายชื่อ ซึ่งทำให้ผมสงสัยว่า หรือปัญหาจะอยู่ที่เชื้อชาติของทาร์มาน ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์เชื้อสายอินเดีย ท่ามกลางสังคมที่เต็มไปด้วยชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน
ผมสารภาพว่า ผมสงสัยว่าทำไมความไม่เต็มใจยอมรับผู้มีความสามารถโดดเด่นผู้นี้จึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะในขณะที่สิงคโปร์กำลังเผชิญพายุทางการเงินและทางเศรษฐกิจในขณะนี้


