จากเพื่อนร่วมชั้น สู่ผู้บริหาร

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ “นก” เล่าให้ฟังว่าก่อนที่เธอจะเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ การีน่า ประเทศไทย นั้น คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ยังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (MBA) ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งในคลาสเรียนแห่งนี้ ที่ทำให้เธอได้รู้จักและเป็นเพื่อนร่วมสาขาวิชากับฟอเรสต์ ลี หนุ่มสิงคโปร์ผู้ฉลาดเฉลียว ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ บริการอินเทอร์เน็ต เกมออนไลน์ การีนา รายใหญ่ในสิงคโปร์

“ในช่วงที่ยังเรียนอยู่ที่สแตนฟอร์ดนั้น ตัว ฟอเรสต์ เองก็มีความสนใจที่จะทำธุรกิจอยู่แล้ว ที่เขามองเห็นโอกาสจากความชอบเล่นเกมของเขาเอง ที่ต่อยอดให้ออกมาทำเป็นธุรกิจได้เมื่อราวปี 2550 เรียกว่าเป็นการเอาเกมมาทำเป็นบิซิเนสให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ ด้วยในช่วงนั้นยังไม่มีใครทำโมเดลแบบนี้ออกมา ซึ่งพอฟอเรสต์มาเล่าไอเดียให้ฟัง เราก็นึกภาพออก ด้วยเกมเมอร์จะได้รู้ว่ามันมีคอมมูนิตี้ มีชุมชนอยู่ในเกมได้ด้วยนะ ตอนนั้นก็คุยกันว่าถ้าเขามีแผนขยายธุรกิจมาถึงเมืองไทย ก็รับปากไว้ว่าจะเข้ามาช่วยดูด้วย จนกระทั่ง การีนา เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยครั้งแรกเมื่อราวปี 2555 จากนั้นอีก 3 ปีต่อมา นกก็ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับการีนา” มณีรัตน์ เล่า

พร้อมขยายความต่อว่าในช่วงที่ยังศึกษาอยู่ที่สหรัฐนั้นตัวของเธอก็ได้มีโอกาสทำธุรกิจสตาร์ทอัพเช่นกัน เป็นระบบบริการด้านสุขภาพ(เฮลทธ์แคร์ ซิสเต็ม) ให้บริการเชื่อมต่อด้านสุขภาพกับผู้ใช้บริการแบบส่วนตัว ซึ่งธุรกิจใหม่ของเธอนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านเงินลงทุนจากแองเจิล ฟันด์ด้วย ซึ่งธุรกิจมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่จำกัดจริงๆ เหมือนสตาร์ทอัพอื่นๆ ในสหรัฐ ทั้งสถานที่ทรัพยากรด้านต่างๆ ที่ใช้ทุกอย่างจำกัด แต่ก็สามารถดำเนินการไปได้ดี กระทั่งธุรกิจมีผู้สนใจติดต่อเข้าซื้อไปเมื่อราวปี 2551

นอกจากสายสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนกับผู้ก่อตั้งการีนา บวกกับประสบการณ์การเป็นเจ้าของธุรกิจใหม่มาก่อนนี้ ซึ่งก็ยังไม่ทำให้เธอเข้าร่วมงานทันทีกับเพื่อนหนุ่ม แต่หันไปใช้ชีวิตการทำงานด้านต่างๆ ทั้งในบริษัท บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ และยังเคยเป็นผู้ช่วยอาวุโสในบริษัทวาณิชธนกิจแนวหน้าของไทยอีกด้วย ขณะที่ในระดับปริญญาตรี มณีรัตน์ สำเร็จสาขาวิศกรรมศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มณีรัตน์ เสริมต่อถึงการเข้ามาร่วมงานกับการีนาที่มีความแตกต่างออกไปตรงที่ได้เอาไอเดียมาวางแผนให้เป็นรูปธรรม เรียกได้ว่า เป็นการได้คิด ได้ลงมือทำได้มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นความสนุกที่บวกกับความท้าทาย ซึ่งในช่วงแรกของการทำงานแน่นอนว่าจะต้องปรับตัว ด้วยค่อนข้างแตกต่างไปจากการเป็นคอนซัลต์ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในธุรกิจใหม่นี้ ต้องทำให้ตัวเองทันสมัยอยู่เสมอ คีฟ อัพทูเดท ตลอดเวลา ต้องติดตามดูเทรนด์ กระแสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ อย่างจีนทำอะไร ยุโรปทำอะไร เป็นต้น

นอกจากนี้ รูปแบบการทำงานบางอย่างบางทีที่มีการคิดเอาไปทำแผนแล้ว แต่เมื่อนำไปดำเนินการปฏิบัติจริงอาจจะต้องมีความยืดหยุ่น ต้องมีแผนบีมารองรับ ถือเป็นการปรับตัวและรูปแบบการทำงานอีกอย่าง ด้วยมีหลายปัจจัยเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจทั้งคน อารมณ์อย่างเวลาที่ต้องไปเจรจาหรือดีลกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น

รวมไปถึงการปรับตัวในการทำงานภายในองค์กรคนรุ่นใหม่ อย่าง การีน่า ที่พนักงานมีอายุเฉลี่ย 27-28 ปีเท่านั้น เป็นกลุ่มคนเจนวายที่เราก็ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับพวกเขา พร้อมทำความเข้าใจแนวคิดคนรุ่นนี้ ฟังไอเดีย คนรุ่นใหม่ว่าเป็นอย่างไร เข้าใจไลฟ์สไตล์ คนรุ่นนี้ ที่เราจะต้องหาคลื่นให้ตรงกันให้ได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ท้าทายการทำงานเช่นกัน ด้วยการทำงานกับกลุ่มคนรุ่นใหม่นั่น มองว่ายิ่งจะต้องมีการเปิดใจรับฟัง ไปพร้อมกับการแบ่งปันด้านต่างๆ เพื่อผสมผสานการทำงานให้ร่วมกันได้

เธอ ทิ้งท้ายเกร็ดเล็กๆ ให้ฟังถึงแนวคิดของผู้ก่อตั้งการีนา ที่เคยบอกกับมณีรัตน์ ว่า นอกเหนือจากไอเดียทางธุรกิจที่สดใหม่ที่เป็นใบเบิกทางแรกแล้ว ซึ่งในช่วงแรกๆ ธุรกิจเองยังไม่ได้ คิก โฮม รัน ด้วยเคยประสบภาวะล้มเหลวมาแล้ว แต่การมาถูกจังหวะก็มีส่วนช่วยเช่นกัน ที่ตัวเขาเองบอกว่ามีความโชคดีที่ได้มาเจอกับทีมที่ดี มีบริษัทซัพพอร์ต เจอเกมที่ดีอย่าง ลีกออฟ เลเจนด์ ที่ทำให้มีผู้เล่น หรือเกมเมอร์จำนวนมากมาย ที่ทำให้รู้จักการีนาตามมาด้วย

นั่นเป็นเพราะทุกอย่างที่ได้ลงมือทำล้วนเป็นประสบการณ์ตรงทั้งสิ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจออนไลน์ที่จะต้องวิ่งออกไปข้างหน้าเสมอ เพราะถ้าหากเราหยุดมันก็จะนิ่ง แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องการความยืดหยุ่นที่จะเข้ามาช่วย “รัน” การดำเนินการธุรกิจทั้งภายในและภายนอก ให้เป็นไปตามเป้าที่บริษัทวางไว้ทั้งในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคพร้อมกัน