posttoday

ค้านย้ายบิ๊กล็อตตัวเงินตัวทอง หวั่นสวนลุมฯเสียสมดุล

22 กันยายน 2559

จํานวนประชากรของ “ตัวเงินตัวทอง” ที่เพิ่มมากขึ้น กระทั่งพุ่งถึง 400 ตัว ในพื้นที่สวนลุมพินี ทำให้ กทม.ต้องเดินหน้านโยบายขนย้ายไปยังสถานที่ควบคุมแห่งใหม่

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

จํานวนประชากรของ “ตัวเงินตัวทอง” ที่เพิ่มมากขึ้น กระทั่งพุ่งถึง 400 ตัว ในพื้นที่สวนลุมพินี ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนเมืองในช่วงเช้าและเย็น ทำให้ กทม.ต้องเดินหน้านโยบายขนย้ายไปยังสถานที่ควบคุมแห่งใหม่ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังประชาชนที่เข้าไปออกกำลังกายในสถานที่ดังกล่าว ร้องเรียนว่ากลัวเกิดอันตรายจากที่ตัวเงินตัวทองมักวิ่งตัดหน้าขณะออกกำลังกาย

อย่างไรก็ดี วินันท์  วิระนะ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ระบุว่า จำนวนตัวเงินตัวทองล่าสุดที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจากสวนลุมฯ รวมแล้ว 203 ตัว รวมจากการขนย้ายเมื่อวันที่ 20 ก.ย. จำนวน 40 ตัว ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีความเห็นว่าเพื่อให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ไม่ควรจะนำตัวเงินตัวทองมาที่แห่งนี้ถึง 400 ตัว แค่เพียง 100-200 ตัวก็น่าจะพอแล้ว  เพราะที่มีอยู่ในสวนลุมพินี เป็นวัฏจักรของเขาอยู่แล้วที่จะสามารถควบคุมประชากรกำจัดซากสัตว์ต่างๆ ดังนั้นคงจะไม่ให้มามากมาย

สำหรับสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนมีพื้นที่ประมาณ  2,180 ไร่  มีสัตว์ป่าที่ดูแลประมาณ  117 ชนิด กว่า 3,112  ตัว  ทั้งสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน  เช่น เสือโคร่ง หมีควาย ลิง ชะนี งู  ตัวเงินตัวทอง และนกชนิดต่างๆ เป็นสถานที่ที่รับสัตว์ป่าของกลางที่ยึดมาได้จากจังหวัดต่างๆ มาดูแล และรับสัตว์จากการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านสัตว์ป่าแก่ประชาชน

สุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ระบุว่า สวนลุมพินีมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ แต่จากจำนวนตัวเงินตัวทองที่มากเกินไป ส่งผลทำให้ทำลายระบบนิเวศภายในสวนลุมพินี สร้างความเสียหายให้กับแปลงปลูกต้นไม้และทำลายตลิ่ง หรือสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน โดยมีบางรายได้รับอุบัติเหตุเนื่องจากตัวเงินตัวทองเดินตัดหน้าในขณะที่ปั่นจักรยาน

ทั้งนี้ แผนการรักษาสมดุลระบบนิเวศภายในสวนลุมพินี รวมถึงเรื่องการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของประชาชนที่มาใช้บริการ จึงพยายามลดจำนวนตัวเงินตัวทอง โดยได้ประสานสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เพื่อเป็นสถานที่รองรับและดูแล

สุวรรณา กล่าวอีกว่า จากจำนวนคนที่เข้ามาออกกำลังกายในสวนลุมพินี มีประมาณ 1 หมื่นคน/วัน และเพิ่มเป็น 1.3 หมื่นคนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มักจะพบกับตัวเงินตัวทองอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจเกิดความตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากขนาดของตัวเงินตัวทองโตเต็มวัยมีความยาวประมาณ 1-2.5 เมตร

สุวรรณา กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า 5 สวนสาธารณะที่พบตัวเงินตัวทองในพื้นที่อื่นอีกมาก ประกอบด้วย 1.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 2.สวนจตุจักร 3.สวนเบญจกิติ 4.สวนหลวง ร.9 และ 5.สวนลุมพินี กำลังสร้างปัญหาทำลายสภาพแวดล้อม ทำลายต้นไม้สวยงาม รวมถึงทำลายตลิ่งให้พังลง

“แม้ตัวเงินตัวทองจะสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศของสวนสาธารณะ แต่เมื่อมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากก็ต้องถูกควบคุม ทั้งหมดเพื่อรองรับการปรับปรุงทัศนียภาพสวนลุมพินีที่จะครบ 100 ปีเร็วๆ นี้” สุวรรณา กล่าว

เตือนใจ นุชดำรงค์ ผู้อำนวยการสำนักสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระบุ ว่า โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะมีทั้งคุณและโทษต่อมนุษย์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง กรณีของตัวเงินตัวทองก็เช่นกัน

ผู้อำนวยการสำนักสัตว์ป่า อธิบายว่า ธรรมชาติของตัวเงินตัวทอง คือสัตว์เลื้อยคลานที่ทำหน้าที่เหมือนเก็บขยะในระบบนิเวศ ดำรงชีพอยู่ได้จากการกินซากเน่าเปื่อยของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เมื่อสัตว์ชนิดนี้อยู่ในเมือง ในส่วนที่เป็นสวนสาธารณะซึ่งอุดมไปด้วยหนู ปลา งู เต่า ฯลฯ หรือกลุ่มสัตว์ที่หากินตามพื้นที่ชื้นแฉะที่มีขยะ ตัวเงินตัวทองที่กินได้ทั้งซากและตัวเป็นๆ ของบรรดาสัตว์ที่กล่าวมา รวมถึงแม้กระทั่งเศษอาหารที่คนทิ้งไว้ ก็เหมือนได้แหล่งอาหารที่สมบูรณ์ ตามไปด้วย จำนวนของพวกมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“มองอีกแง่หนึ่ง ตัวเงินตัวทองจะช่วยกำจัดหนูในเมือง ซึ่งปกติกำจัดยาก รูปลักษณ์ที่น่าเกลียดน่ากลัวของมัน ทำให้คนคิดว่าเป็นอันตราย ทั้งที่มันไม่ใช่สัตว์อันตรายที่จะไปจู่โจมทำร้ายใครก่อน ยกเว้นตอนตกใจ อย่างไรก็ดี พื้นที่สวนลุมฯ ซึ่งกำหนดให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสวนสาธารณะที่ไม่ใช่พื้นที่ป่า จึงถูกมองว่าไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาะสำหรับตัวเงินตัวทองนัก แต่หากมองระบบนิเวศโดยรวมของทั้งประเทศ ปริมาณของสัตว์ชนิดนี้ยังไม่มากจนน่าเป็นห่วงนัก” เตือนใจ กล่าว

ผู้อำนวยการสำนักสัตว์ป่า ระบุอีกว่า วิธีกำจัดตัวเงินตัวทองที่ดีที่สุดไม่ใช่การไล่จับ แต่ต้องทำลายหรือจำกัดแหล่งอาหาร ซึ่งอาจจะหมายถึงแหล่งขยะชื้นแฉะ ที่มีสัตว์อื่นๆ ร่วมอยู่ในห่วงโซ่อาหาร เมื่อไม่มีแหล่งอาหาร ตัวเงินตัวทองก็อาศัยพื้นที่นั้นๆ เป็นแหล่งอาศัยและขยายพันธุ์ไม่ได้ และถือเป็นวิธีกำจัดยั่งยืนที่สุด

นอกเหนือจากการจับแล้ว กรมอุทยานฯ ใช้วิธีตามหาไข่ที่ฝังอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งช่วงขยายพันธุ์ จะอยู่ในช่วงเดือน เม.ย.-ธ.ค.ของทุกปี แล้วเอาไปทำลาย เป็นการควบคุมประชากรอีกทางหนึ่ง เพราะหากใช้วิธีจับทำหมันจะมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้งบประมาณถึงตัวละเกือบ 1,000 บาท สูงกว่าสัตว์อื่นๆ ที่เคยก่อความรำคาญในพื้นที่อย่างลิง

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ไทย พบ มาเลเซีย ฟุตบอลซีเกมส์วันนี้ 15 ธ.ค.68