ชงครม.แก้ทัวร์ศูนย์เหรียญ
กอบกาญจน์ชง 3 แนวทางแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญเข้า ครม. ก่อนเซ็นเอ็มโอยูจีนวันที่ 21 ก.ย.นี้
กอบกาญจน์ชง 3 แนวทางแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญเข้า ครม. ก่อนเซ็นเอ็มโอยูจีนวันที่ 21 ก.ย.นี้
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ก.ย. กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมนำร่างบันทึกลงนามความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และองค์การส่งเสริมท่องเที่ยวของประเทศจีน (ซีเอ็นทีเอ) ในความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวและการแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาผ่านความเห็นชอบก่อนลงนามความร่วมมืออีกครั้งในวันที่ 21 ก.ย.นี้
สำหรับร่างความร่วมมือประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.จัดตั้งกลไกด้านการสื่อสารและความร่วมมือ โดยการตั้งคณะทำงานความร่วมมือไทย-จีน เพื่อควบคุมดูแลการท่องเที่ยว 2.สร้างกลไกความร่วมมือจัดทำโครงการด้านการท่องเที่ยวและการจัดการเมื่อเกิดเหตุร้าย และ 3.สร้างกลไกประชาสัมพันธ์และฝึกอบรม รวมทั้งจัดการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ (ไกด์) และหัวหน้าทัวร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบรรยายภาษาจีน โดยสถานทูตจีนเตรียมเปิดฝึกอบรมภาษาจีนให้กับไกด์ไทยได้เรียนรู้โดยตรงกับเจ้าของภาษา ซึ่งทั้ง 3 แนวทางจะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสองประเทศเติบโตยั่งยืน
น.ส.วรรณสิริ โมลากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการจัดงานเสวนาระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันจัดการปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ
ร่วมกับบริษัททัวร์ตลาดจีนกว่า 200 ราย ว่าได้มอบหมายให้สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) รวบรวมต้นทุนการดำเนินธุรกิจทัวร์ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.ค่าโรงแรมที่พัก 2.ค่ายานพาหนะ 3.ค่าจ้างไกด์
4.ค่าอาหาร และ 5.ค่าเข้าชมการแสดง เพื่อกำหนดราคากลางขั้นต่ำ แพ็กเกจทัวร์ขั้นต่ำของตลาดจีนให้แล้วเสร็จก่อน พร้อมมีผลบังคับใช้ชั่วคราวก่อนวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งประเทศจีนจะมีวันหยุดยาวติดต่อกัน
ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค. เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นและไม่ให้เข้าสู่ภาวะสุญญากาศ ปัองกันการประกอบทัวร์ศูนย์เหรียญ
สำหรับบรรยากาศการเข้ารับฟังเสวนาในครั้งนี้ ผู้ประกอบการจีนส่วนใหญ่มีความกังวลว่าบริษัทที่ตัวเองดำเนินการอยู่จะเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากมีข่าวสะพัดว่าตำรวจท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเอาผิดกับบริษัททัวร์ 386 ราย ที่เข้าข่ายดำเนินธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า หากผู้ประกอบท่องเที่ยวดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะไม่เข้าไปดำเนินคดี โดยจาก 386 บริษัทไม่มีรายชื่อ มีเพียง 4-5 รายที่ตำรวจเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ


