จี้ปฏิรูปการศึกษา ปรับหลักสูตรมหา’ลัย
การปฏิรูปการศึกษาต่อจากนี้ควรเติมเต็มความรู้ให้ผู้เรียนนำไปต่อยอดได้
โดย...วิรวินท์ ศรีโหมด
การปฏิรูปการศึกษาไทยถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญมาตลอด แต่ที่ผ่านมาพบว่าการศึกษาไทยกลับยังไม่มีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งๆ ที่ทุกปีกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นหน่วยงานที่ได้งบประมาณมากที่สุด ซึ่งส่วนทางกับผลสำรวจที่พบว่าระดับมาตรฐานการศึกษาเด็กไทยยังต่ำกว่าประเทศอื่นที่กำลังพัฒนา นี่จึงเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนควรหันมามอง และร่วมกันคิดเพื่อปลดล็อกปัญหานี้ งานเสวนาเรื่อง “เส้นทางปฏิรูปอุดมศึกษาไทย : ย้อนอดีต มองอนาคต” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติคุณ 90 ปี ศ.อดุล วิเชียรเจริญ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ คนแรก ก็หยิบเรื่องนี้มาถกเถียงเช่นกัน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รูปแบบการสอนในอดีตของไทยจะไม่มีการสอนวิชาพื้นฐาน แต่การที่ ศ.อดุล เริ่มสอนในรูปแบบนี้ถือว่าเป็นการปฏิรูปการศึกษาแท้จริง เช่น วิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ อารยธรรมตะวันตก ตรรกวิทยา คณิตศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะทำให้ผู้เรียนได้เตรียมความพร้อมก่อนที่จะไปเรียนวิชาอื่นๆ ต่อไป รวมถึงนำความรู้ไปใช้ต่อยอดเมื่อเข้าทำงาน จึงมองว่าการปฏิรูปการศึกษาผู้เรียนควรที่จะต้องได้เรียนวิชาพื้นฐานทั้งหมด
นอกจากนี้ ควรมีการตั้งทบวงหรือกระทรวงมหาวิทยาลัยเพื่อดูแลรับผิดชอบด้านปฏิรูปอุดมศึกษาโดยเฉพาะ เพราะหลักสูตรระดับอุดมศึกษามีความหลากหลาย แหลมคมกว่า ชั้นประถม มัธยมศึกษา เพื่อเป็นการปูพื้นฐานความรู้ในแต่ละด้านให้ผู้เรียนก่อนออกไปทำงานจริง
“หลักสูตรดีไม่ดี ไม่รู้ ทำอะไรก็ได้ อย่าทำให้หลักสูตรมันแคบ แต่ส่วนตัวก็ดีใจว่า การสอนพื้นฐานปัจจุบันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ แต่ได้เปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่เคยได้จากธรรมศาสตร์ คือ ความต้องการอยากเห็นสังคมเป็นธรรมมากขึ้น ฉะนั้นควรต้องกล้าที่จะทำให้สังคมเป็นธรรม ดังนั้นธรรมศาสตร์ต้องทำอย่างไรเพื่อให้เด็กรักหลักของความเป็นธรรม” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฉายภาพว่า การเรียนของไทยในอดีตเริ่มจากที่วัด ต่อมาเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 รัฐเริ่มมีการพัฒนาหลักสูตร แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ จนปัจจุบันก็มีสายอาชีพ ซึ่งสะท้อนว่าการศึกษาไทยในอดีต ไม่รู้จักคิด คิดไม่เป็น คิดไม่ลึก ไม่รอบคอบ เห็นได้จาก 20 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างดูเลวลงไปหมดทั้งเรื่อง การเมือง คุณภาพ จริยธรรม ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่เหลือความเป็นไทยแล้ว ซึ่งเกิดมาจากการศึกษาทั้งนั้น ฉะนั้นการศึกษาไทยควรต้องปฏิรูปกันใหม่
ไตรรงค์ มองว่า การปฏิรูปการศึกษาต่อจากนี้ควรเติมเต็มความรู้ให้ผู้เรียนนำไปต่อยอดได้ ฉะนั้นควรทำการศึกษามี 5 ลักษณะ คือ 1.ผู้ที่เรียนต้องมีความรู้ เมื่อจบออกต้องทำงานได้ 2.ต้องสอนให้ผู้เรียน คิดเป็น รอบคอบ คิดลึก สุขุมในการตัดสินใจ 3.ต้องสอนหลักศาสนา 4.เมื่อผู้เรียนออกไปสู่สังคม ต้องมีความรู้รอบตัว อย่างเข้าใจ รอบคอบ และลึกซึ้ง 5.ต้องสอนเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกคน เพราะถ้าประเทศต้องการเป็นประชาธิปไตย แต่ยังสอนรูปแบบปัจจุบันซึ่งยังไม่พอ ไม่เช่นนั้นอีกไม่กี่ปีต้องยึดอำนาจอีกครั้ง
ขณะที่ กล้านรงค์ จันทิก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า อนาคตสถาบันการศึกษาควรทำให้ผู้เรียนเข้าใจในเรื่องสิทธิหน้าที่ และการเป็นประชาธิปไตย เพราะตลอด 84 ปีที่ผ่านมาที่มีการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย ไม่มีการสอนให้คนเข้าใจในเรื่องประชาธิปไตย ว่าประชาชนจะได้อะไรอย่างเป็นรูปธรรม เห็นได้จากที่ผ่านมาการเลือกตั้งทุกครั้ง คนทั่วไปจะเข้าใจแต่ระบบ การช่วยเหลือ คนรู้จัก หรือบุคคลที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทน ฯลฯ ฉะนั้นส่วนตัวอยากให้บัณฑิตที่จบออกไป ควรไปสอนประชาชนให้เข้าใจว่าประชาธิปไตยควรเป็นอย่างไร เพื่อความก้าวหน้าของแผ่นดิน
พิภพ อุดร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ มธ. กล่าวว่า ปัจจุบัน สังคม เทคโนโลยี พัฒนาไปไกล จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอน เพราะความรู้อยู่ที่ปลายนิ้วของผู้เรียน ฉะนั้นการเรียนสอนอะไรที่ผู้เรียนทราบอยู่แล้ว ก็ไม่ควรสอน เพราะจะทำให้ไม่เกิดความสนใจ ดังนั้นการสอนของธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเน้นทำให้นักศึกษาได้คิด วิเคราะห์ เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับสังคม ให้นำไปต่อยอด เพราะวันข้างหน้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
“ขั้นตอนการผลิตนักศึกษาของธรรมศาสตร์การสอน ตั้งอยู่บนคำว่า GREATS คือ G. จบธรรมศาสตร์ได้ ต้องเข้าใจโลก เข้าใจสังคมอย่างรอบด้าน R. ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวเอง และสิ่งแวดล้อม E. ผู้เรียนต้องสื่อสารได้ชัดเจน และมีทักษะมากกว่า 2 ภาษา A. ต้องเรียนรู้ศิลปะรอบตัวด้วย T. ห้ามเก่งคนเดียว แต่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ และ S. ต้องมีจิตวิญญาณ เรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ โดยต้องยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ซึ่งหลักเหล่านี้ก็เพื่อทำให้นักศึกษาไม่เป็นเพียงเสาหลักเฉพาะประเทศ แต่จะต้องเป็นเสาหลักของโลกให้ได้” รองคณบดีฝ่ายวิชาการ มธ. กล่าวทิ้งท้าย


