เทพรัตนแห่งแผ่นดิน (63)
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า “...เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เทคโนโลยีเป็นปัจจัยอย่างสำคัญ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า “...เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เทคโนโลยีเป็นปัจจัยอย่างสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่ชาติบ้านเมืองของเราจะเจริญยั่งยืนได้นั้นไม่อาจอาศัยปัจจัยทางเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียว หากยังขึ้นอยู่กับความรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทยและคนไทยด้วย ดังนั้นการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและการจรรโลงรักษามรดกทางวัฒนธรรมมิให้เสื่อมลงหรือสูญหาย จึงถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน...”
พระองค์ทรงเริ่มศึกษาศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ มาแต่ยังทรงพระเยาว์ และด้วยพระอุปนิสัยและความสนพระราชหฤทัยในศิลปวัฒนธรรมและประเพณี จึงทรงให้การสนับสนุนและเข้าไปมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และฟื้นฟู ด้วยพระองค์เองในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับศิลปวัฒนธรรมไทยและประเพณีเสมอมา ด้วยทรงตระหนักว่าศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย เป็นสมบัติล้ำค่าที่แสดงถึงความเป็นไทย จึงควรอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานสืบไป
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงตระหนักว่า พิพิธภัณฑ์ คือ แหล่งที่ประชาชนจะสามารถเรียนรู้ได้จากของจริง เมื่อเสด็จพระราชดำเนินต่างประเทศทุกครั้งจะเสด็จฯ เยี่ยมชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์วิจัยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนทรงศึกษาถึงประเพณีความเชื่อของคนแต่ละประเทศอยู่เป็นนิจ โดยจะทรงนำสิ่งที่ได้เรียนรู้และประสบการณ์ที่พบเห็น พระราชทานแนวพระราชดำริให้ปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานและเพิ่มสาขาอื่นๆ เช่น ธรรมชาติวิทยา ภูมิศาสตร์ และธรณีวิทยา ฯลฯ ตามหลักการที่นานาประเทศดำเนินการ
กรมศิลปากรได้สนองแนวพระราชดำริจัดตั้ง “โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำเมือง” และได้ทดลองดำเนินการตั้งแต่ปี 2538 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี โดย จ.กำแพงเพชร มูลนิธิสมเด็จพระญาณสังวร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดสร้างในเขตอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเลือกรูปแบบอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นแบบเรือนไทยหมู่ภาคกลาง และได้พระราชทานนามว่า “พิพิธภัณฑสถานจังหวัดกำแพงเพชรเฉลิมพระเกียรติ” เป็นที่รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และจัดแสดงภูมิปัญญาของบรรพชนในท้องถิ่น แหล่งข้อมูลทางด้านวัฒนธรรมและมรดกทางธรรมชาติ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดด้วย
นอกจากนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงมีต่องานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทย กรมศิลปากรได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาปฏิบัติภารกิจและพัฒนางานด้านพิพิธภัณฑ์ จวบจนปัจจุบันมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติภายใต้กำกับดูแลของกรมศิลปากร มีทั้งหมด 42 แห่ง กระจายอยู่ภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคกลาง 20 แห่ง เฉพาะที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ช้างต้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติวัดเบญจมบพิตร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ ภาคเหนือ 8 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แห่ง และภาคใต้ 7 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมและแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น ที่มีความโดดเด่นของสถานที่และบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องประจำท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษา และตระหนักถึงความเป็นคนไทยและชาติไทยสืบทอดสู่บรรพชนรุ่นหลังสืบไป
ในปี 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นองค์ประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และได้จัดทำโครงการอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือที่เรียกกันว่า อุทยาน ร.2
เมื่อทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองค์ประธานกรรมการมูลนิธิ ดังกล่าว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพระราชปณิธานในการดำเนินงานโครงการก่อสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์ ร.2 ให้ลุล่วงไปตามเป้าหมาย เพื่อเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไว้เป็นมรดกแก่ชาติ จนได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) รวมทั้งเพื่อให้อุทยานฯ สามารถอำนวยประโยชน์แก่ประชาชนชาวสมุทรสงครามและท้องถิ่นใกล้เคียง และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ให้แผ่่ไพศาลยั่งยืนอยู่ตลอดไป โดยพระองค์ทรงบริหารงานและทรงหาทุนดำเนินการก่อสร้างอุทยานฯ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ ร.2 จัดสร้างขึ้น ณ ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่พระบรมราชสมภพ โดยพระราชสมุทรเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยารามได้อนุญาตให้ใช้ที่ดินของวัดประมาณ 11 ไร่ ทางทิศตะวันตกของบริเวณพระอาราม เพื่อเป็นประโยชน์แก่กิจการของมูลนิธิฯ โดยการก่อสร้างในส่วนสำคัญ คือ โรงละครกลางแจ้ง อาคารทรงไทย ซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ห้องสมุด ซึ่งมอบให้กรมศิลปากร ร่วมดำเนินงานในฐานะหอสมุดแห่งชาติ สาขาสมุทรสงคราม และสวนพรรณไม้ในวรรณคดี
ภายในอุทยานพระบรมราชานุสรณ์มีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย 4 หลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ เช่น “หอกลาง” ภายในประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 2 และจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย หัวโขน “ห้องชาย” ที่จัดแสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของชายไทยที่มีความกล้าหาญ พระพุทธรูปสำหรับบูชา รวมทั้งแท่นพระบรรทมซึ่งเชื่อว่าเป็นของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย “ห้องหญิง” ที่แสดงให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิงไทยโบราณ โต๊ะเครื่องแป้งคันฉ่อง ชานเรือน จัดแสดงตามแบบบ้านไทยโบราณ รวมทั้งมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติเป็นสวนพรรณไม้ในวรรณคดีนานาชนิด
นอกจากนี้ มูลนิธิฯ กรมศิลปากร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ จ.สมุทรสงคราม รวมทั้งประชาชน ได้ร่วมกันจัดงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับพรรณไม้พระนามและพรรณไม้พระราชทาน สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมแห่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยให้คงอยู่ตลอดไป โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานเปิดงานและทอดพระเนตรกิจกรรมการแสดงต่างๆ ทุกปี ตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบัน


