ผลชาตินี้-ชาติหน้า

โดย...ทายาท ศรีปลั่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะไนล์

จากบทความที่ผ่านมา ผู้เขียนกล่าวถึงกรรมว่าให้ผล 3 ระยะ คือ ชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อๆ ไป โดยอธิบายถึงประเภทของกรรม 4 ประเภท คือ ชนกกรรม อุปัตถัมภกกรรม อุปปีฬกกรรม และอุปฆาตกรรม

สิ่งเหล่านี้มีผลกับชีวิตการทำงานทั้งสิ้น ครั้งนี้ผู้เขียนจะกล่าวต่อถึงกรรมชาตินี้กับกรรมชาติหน้า โดยกรรมให้ผลตามระยะเวลา กรรมที่ทำไปแล้วเป็นกรรมทั้งส่วนดีและไม่ดี ย่อมมีระยะเวลาให้ผลต่างกัน บางอย่างทำชาตินี้ให้ผลชาตินี้ บางอย่างให้ผลชาติหน้าหรือชาติต่อๆ ไปจากชาติหน้า

1.ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาตินี้ หมายถึง กรรมดีและชั่วที่กระทำในชาตินี้ให้ผลชาตินี้เลย เป็นกรรมแรงจึงให้ผลทันตาเห็น กรรมดีให้ผลเป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ กรรมชั่วให้ผลเป็น เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา

กรรมประเภทนี้จะสิ้นสุดหรือ “หมดอายุ” เมื่อให้ผลแล้วและจะไม่ให้ผลข้ามชาติ จึงต้องเป็นกรรมที่ทำด้วยเจตนาดีแรงกล้าและมีความดีมาก

อนึ่ง ทิฏฐธัมมเวทนียกรรมจะให้ผลชาตินี้ได้เลยต้องไม่ถูกทิฏฐธัมมเวทนียกรรมฝ่ายตรงข้ามเบียดเบียน และต้องมีปัจจัยสำคัญเกื้อหนุน 4 ประการ คือ คติ กาล อุปธิ และปโยค ถ้าเกื้อหนุนทิฏฐธัมมเวทนียกรรมฝ่ายกุศล เรียกว่าสมบัติ 4 ถ้าเกื้อหนุนทิฏฐธัมมเวทนียกรรมฝ่ายอกุศลเรียกว่า วิบัติ 4

กรรมประเภทนี้เปรียบได้กับนายพรานล่าเนื้อ ยิงลูกธนูไปยังเนื้อถ้าถูกเนื้อ เนื้อก็ตาย ถ้าไม่ถูกเนื้อย่อมวิ่งหนีไม่กลับมาให้ยิงอีก นายพรานจึงเปรียบดั่งผลของกรรม เนื้อคือ ผู้ทำกรรมต้องรับผลกรรมนั้น

2.อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลชาติหน้า หมายถึง กรรมดีหรือชั่วที่ทำชาตินี้ แต่ยังไม่ให้ผลจะให้ผลชาติถัดไป กรรมประเภทนี้กลายเป็นอโหสิกรรมเมื่อให้ผลแล้วหรือผู้ทำกรรมตายก่อนได้รับผลจะไม่ข้ามไปให้ผลชาติต่อๆ ไป

3.อปราปริยเวทนียกรรม กรรมให้ผลในชาติต่อๆ ไป ถัดจากชาติหน้า หมายถึง กรรมดีหรือชั่วที่ทำชาตินี้ แล้วจะให้ผลชาติต่อๆ ไป ถัดจากชาติหน้าชาติใดชาติหนึ่งเมื่อสบโอกาส เปรียบดั่งสุนัขไล่เนื้อ ไล่ตามเนื้อทันเข้าที่ใดย่อมเข้ากัดที่นั้น กรรมประเภทนี้น่ากลัวกว่าประเภทที่ 1 และ 2 เพราะผลของกรรมจะติดตามผู้กระทำไปตลอดการเวียนว่ายตายเกิด จนกว่าจะให้ผลหมดจึงจะกลายเป็นอโหสิกรรม การให้ผลของกรรม ประเภทที่ 2 และ 3 ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องผลของกรรมที่ซับซ้อนส่งผลข้ามภพข้ามชาติ

4.อโหสิกรรม กรรมที่ให้ผลสำเร็จแล้วหรือกรรมไม่มีผล หมายถึงกรรมดีหรือชั่วที่ทำไว้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อไม่มีโอกาสให้ผลในเวลาที่ให้ผลเพราะถูกกรรมชนิดอื่นตัดหน้าให้ผลไปก่อนจึงอ่อนกำลังให้ผลไม่ทันและเลิกให้ผลในที่สุด หรือเพราะผู้กระทำกรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ นิพพานชาตินี้แล้วไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก จึงไม่มีตัวตนต้องมารอรับผลกรรม เปรียบเหมือนพืชสิ้นยางแล้วเพาะไม่ขึ้น

ดังนั้น อโหสิกรรมจึงหมายถึงการกระทำความดีต่างๆ ของพระอรหันต์ย่อมไม่มีผลเป็นกรรมดี เพราะท่านทำดีด้วยจิตที่ปราศจากความยึดมั่น ถือมั่น ไม่คิดทำดีหวังผลตอบแทนชั้นนอก ไม่คิดทำดีเพื่อละกิเลสเพราะกิเลสหมดสิ้นแล้ว แต่ยังทำดีต่อไปต่อเนื่อง การทำดีของท่านจึงเป็นเพียงกิริยาไม่จัดเป็นกรรมและไม่มีวิบาก

หากท่านอยากมีชีวิตการทำงานที่ดี ราบรื่น ก้าวหน้า หรือไม่ดี ไม่ราบรื่น มีแต่อุปสรรคจงลองพิจารณากรรมเหล่านี้ดู เพราะหากทำดีเข้าไว้โอกาสที่จะส่งผลดีกับตัวเองให้เห็นทันตาก็มีมาก แต่หากทำดีแล้วไม่เห็นผลนั่นก็อาจเป็นเพราะกรรมที่ตามมาเป็นอุปสรรคนั่นเอง