กระจุกตัว
รัฐบาลประกาศจะลดความเหลื่อมล้ำเพื่อแก้ไขปัญหาความแตกแยกในบ้านเมือง
รัฐบาลประกาศจะลดความเหลื่อมล้ำเพื่อแก้ไขปัญหาความแตกแยกในบ้านเมือง
ความเหลื่อมล้ำสำคัญสุดในบ้านเมืองนี้ที่ต้องพูดกันคือการกระจายรายได้ และโครงสร้างภาษี
ไม่เชื่อดูได้ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตลาดหุ้น เป็นภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจได้มากสุด โดยอาจเรียกได้ว่ารัฐบาลเอาทรัพยากรที่สำคัญคือ ภาษี มาเป็นสิ่งจูงใจในตลาดหุ้นชนิดไม่เคยเบามือ
อาทิ การส่งเสริมให้มีการซื้อหุ้น หรือลงทุนในตลาดหุ้น รัฐบาลลดภาษีให้ผู้ลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว หรือที่เรียกว่า แอลทีเอฟLTF โดยสามารถลดหย่อยภาษีสูงสุดถึง 3 แสนบาท
ความมุ่งหมายก็คือต้องการให้คนเอาเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นนั่นเอง ซึ่งมันก็คงอธิบายได้ไม่ผิดนักหรอก
แต่ทว่า หากไปเทียบกับโครงสร้างอื่น อาทิ การทำประกันชีวิต รัฐบาลให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีแค่ 1 แสนบาท
การทำประกันชีวิต ถือเป็นการออมระยะยาว และเป็นการลงทุนสำหรับการเกษียณ ลดความเสี่ยงในอนาคต แต่รัฐบาลให้สิทธิเพียง 1 แสนบาทเท่านั้น แต่หากเอาไปลงทุนในตลาดหุ้นจะได้มากกว่าถึง 3 เท่า
หรือแม้กระทั่งกองทุนที่มีลักษณะคล้ายๆ การทำประกันชีวิต คือกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรืออาร์เอ็มเอฟRMF ที่เกี่ยวพันกับตลาดทุนอีกเช่นกัน ก็ได้สิทธิในการหักภาษี 3 แสนบาท
นี่แหละ โครงสร้างภาษีที่บิดเบือน และมันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ
กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาจะปรับเพิ่มการลดหย่อนภาษี สำหรับการทำประกันชีวิตเป็น 2 แสนบาท แต่หากเทียบกับการลงทุนในหุ้น ก็ยังลดหย่อนภาษีได้ต่ำกว่า
นั่นหมายถึงรัฐบาลเห็นความสำคัญของตลาดหุ้นมากกว่าการให้ประชาชนทำประกันชีวิตใช่หรือไม่
ความมั่งคั่งของประเทศ ถูกดันเข้าไปในกลุ่มหรือกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุน หากเปรียบเป็นต้นไม้ กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนจะเป็นส่วนของกิ่ง ใบ อันเขียวขจี มีความอุดมสมบูณ์ที่สุด แต่ทว่าลำต้นและรากที่เป็นประชาชนทั่วๆ ไปกลับเล็กแกรน
ทั้งหมดไม่ต่างจากการดึงเอาทรัพยากรขึ้นสู่คนระดับบนในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำอย่างไรให้ความมั่งคั่งเหล่านี้กระจายลงมา โดยไม่อัดฉีดเฉพาะใบกับกิ่ง
ไม่เช่นนั้นเมื่อใบแน่นหนา แต่ราก ลำต้น อ่อนแอ ต้นไม้จะหักกลาง
และสงครามชนชั้นจะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้


