เปิดร่างรธน.ใหม่ ฉบับปรับปรุงคำถามพ่วง
ในที่สุดคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมกันหาข้อสรุปประเด็นการบรรจุคำถามพ่วงที่ผ่านการลงประชามติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
ในที่สุดคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งมี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้ร่วมกันหาข้อสรุปประเด็นการบรรจุคำถามพ่วงที่ผ่านการลงประชามติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ “โพสต์ทูเดย์” จึงขอนำเนื้อหาที่สำคัญมาเสนอดังนี้
ก่อนหน้านี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ตั้งประเด็นนำไปสู่การเขียนคำถามพ่วงไว้ว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่าเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี” ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวเขียนเช่นเดียวกับถ้อยคำส่วนหนึ่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ของร่างรัฐธรรมนูญที่จัดให้มีการลงประชามติ
ทั้งนี้ บทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่งนายกฯ บัญญัติไว้ในมาตรา 159 อันเป็นบทถาวร และมาตรา 272 อันเป็นบทเฉพาะกาล
กล่าวคือ มาตรา 159 บัญญัติเกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่งนายกฯ ได้แก่ 1.การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ให้กระทำโดยสภาผู้แทนราษฎร 2.บุคคลซึ่งจะได้ความเห็นชอบต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 และพรรคการเมืองนั้น ต้องมีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
3.การเสนอชื่อต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร 4.มติของสภาผู้แทนราษฎรต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผยและมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่ มาตรา 272 บัญญัติกระบวนการไว้ดังนี้ 1.ในวาระเริ่มแรก เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ 2.หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกฯ จากผู้ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็อาจขอยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อจากบุคคลตามบัญชีของพรรคการเมืองได้ 3.ในการขอยกเว้นตามข้อ 2 ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อเพื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ซึ่งประธานจะต้องจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน 4.คะแนนเสียงที่จะยกเว้นให้ต้องไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา 5.เมื่อได้รับการยกเว้นแล้ว เรื่องจะย้อนกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการตามมาตรา 159 ต่อไป โดยจะเสนอชื่อจากบุคคลซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้
กรธ.ขอชี้แจงว่า หลักการสำคัญของ มาตรา 159 นั้น บัญญัติขึ้นให้สอดคล้องกับหลักการแต่งตั้งนายกฯของประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กล่าวคือ นายกฯ จะต้องมาจากการดำเนินการของสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การดำเนินการบริหารประเทศของนายกฯ เป็นไปได้โดยราบรื่น
ดังนั้น กรธ.จึงเห็นว่า การแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามตินั้น ต้องคงหลักการดังกล่าวข้างต้นไว้ และดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกันได้เพียงเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่ีงควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ โดยให้ทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเท่านั้น
เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว กรธ. จึงเห็นควรแก้ไขมาตรา 272 โดยย้ายบทบัญญัติเดิมไปไว้เป็นวรรคสองของมาตรา 272 แล้วเพิ่มความใหม่เป็นวรรคหนึ่งของมาตรา 272 แทน ซึ่งจะทำให้มีผลดังต่อไปนี้
(1) ในระหว่าง 5 ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 268 ในการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้่งเป็นนายกฯ ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของทั้งสองสภา (2) ในการเสนอชื่อบุคคล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่จะเป็นผู้เสนอโดยต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(3) บุคคลซึ่งจะได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
(4) มติของรัฐสภาที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลให้เป็นนายกฯ ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่บัญญัติไว้ในมาตรา 159 วรรคสาม โดยเพียงแต่แก้ไขจำนวนสมาชิกจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นจำนวนสมาชิกของทั้งสองร่วมกัน เพื่อให้สอดคล้องกับประเด็นเพิ่มเติมที่ได้รับความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ
(5) ในกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกฯ จากผู้มีรายชื่อตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง อาจเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภามีมติยกเว้นได้ (6) มติของรัฐสภาตาม (5) ต้องไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา และ (7) เมื่อได้รับการยกเว้นแล้ว รัฐสภาก็กลับไปดำเนินการเพื่อเสนอชื่อและให้ความเห็นชอบตาม (1) (2) (3) และ (4) ข้างต้นต่อไป
โฉมหน้าร่างรธน.แก้ไขใหม่
มาตรา 272 ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 268 การให้ความเห็นชอบเสนอบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
ในวาระเริ่มแรก เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 268 แล้ว หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าเสนอชื่อต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ให้ยกเว้นได้ ให้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้


