ตลาดโก้งโค้งช่วยชุมชน

โดย...จะเรียม สำรวจ

ตลาดโก้งโค้ง ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตของผู้คนอยุธยาในยุคเก่าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากบรรยากาศและสินค้าที่นำมาจำหน่ายล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นที่ต้องการจะสื่อถึงวิถีชีวิตและความเป็นมาของคนอยุธยาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังรุ่งโรจน์เป็นราชธานีมาจนถึงทุกวันนี้

นภาพร เวชพฤกษ์พิทักษ์ ผู้ริเริ่มตลาดโก้งโค้ง เล่าให้ฟังว่า ตลาดโก้งโค้งเกิดขึ้นจากการที่ตนเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้ต้องลาออกจากการเป็นพยาบาลกลับมาอยู่บ้าน แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ประกอบกับเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์และชอบทำบุญ จึงคิดริเริ่มอยากทำตลาดขึ้นมา เพื่อให้คนในชุมชนได้มีอาชีพและมีรายได้

หลังจากคิดโครงการเรียบร้อยก็นำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษา มีสุข อนันตสิทธิ์ ผู้เป็นพี่สาว ซึ่งก็เห็นดีด้วยกับการทำตลาดเพื่อช่วยเหลือชุมชน จึงได้ให้ที่ดินจำนวน 10 ไร่ บริเวณบ้านแสงโสม ต.ขนอนหลวง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มาพัฒนาเป็นตลาด โดยตั้งชื่อตลาดตามพฤติกรรมของคนที่มาซื้อสินค้าของคนสมัยก่อน ที่ต้องโก้งโค้งตัวเมื่อเลือกซื้อเลือกชมสินค้า เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าจะวางสินค้าขายกับพื้น

นภาพร เล่าว่า ด้วยความที่ส่วนตัวเป็นคนชอบประวัติศาสตร์ ประกอบกับตลาดตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ คือ ขนอนหลวง ซึ่งสมัยอยุธยาพื้นที่ดังกล่าวเป็นด่านเก็บภาษีเรือสินค้าที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา โดยในส่วนของเรือสินค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาค้าขายจะเป็นต่างชาติ ต่างเมือง

เมื่อมีการเก็บภาษีก็ทำให้ย่านนี้มีความคึกคักเกิดเป็นตลาด มีการค้าขายสินค้าต่างๆ เกิดขึ้น สร้างรายได้ให้กับคนในย่านขนอนหลวง และกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งเสียกรุงครั้งที่ 2 ตลาดโก้งโค้งก็หายไปจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาดังกล่าว นภาพร จึงอยากปลุกให้ตลาดโก้งโค้งกลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งปี 2549 ความฝันก็เป็นจริงเมื่อพี่สาวให้ที่ดินมาพัฒนาร่วมกับชุมชนเป็นตลาดโก้งโค้ง

นภาพร เล่าต่อว่า ตลาดโก้งโค้งที่สร้างขึ้นมาในสมัยนี้ ถือเป็นการช่วยเหลือคนในชุมชนให้มีรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งช่วงเริ่มแรกของตลาดโก้งโค้ง พื้นที่ของตลาดไม่มีอะไรเลย พื้นไม่มีใช้เสื่อปูขายสินค้า หลังคาก็มุงจาก จึงทำให้ช่วงแรกมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาขายสินค้าไม่ถึง 20 ร้าน แม้ว่าจะไม่คิดค่าเช่าจากการเข้ามาขายสินค้าเลยก็ตาม

แต่หลังจากที่คนในชุมชนและพัฒนาชุมชน เข้ามาร่วมกันค่อยๆ พัฒนาพื้นที่ ทำให้ปัจจุบันตลาดโก้งโค้งมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาร่วมขายสินค้าในตลาดเพิ่มขึ้น จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมามีร้านค้าไม่ถึง 20 ร้านค้า แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ร้านค้า เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในตลาดมีการช่วยประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก ประกอบกับสินค้าที่นำมาจำหน่ายก็มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวาน เครื่องไม้ เสื้อผ้า หัตถกรรมพื้นบ้าน หรือมีดอรัญญิก จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการในตลาดโก้งโค้งเพิ่มขึ้นช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าได้

นภาพร เล่าอีกว่า มีคนบอกว่าอยากให้ตลาดโก้งโค้งเปิดทุกวัน แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาขายสินค้าในตลาดส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่อยู่ในชุมชน เปิดขายทุกวันก็เดินทางมาไม่ไหว และหากวันไหนตรงกับวันพระใหญ่พ่อค้าแม่ค้าก็จะแวะไปทำบุญก่อนมาขายสินค้า จึงทำให้เปิดได้แค่วัน พฤหัสฯ-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.

นอกจากนี้  ภายในตลาดยังมีบริการจัดงานแต่งงานตามประเพณีไทยในราคา 9,900 บาท ซึ่งเงินที่ได้มา นภาพร บอกว่า นำมาปรับปรุงตลาดและจ่ายค่าสาธารณูปโภคภายในตลาด เนื่องจากตลาดโก้งโค้งไม่ได้เก็บค่าเช่า จึงทำให้ไม่มีรายได้

แม้ว่าวันนี้ตลาดโก้งโค้งจะเริ่มเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติบ้างแล้ว ประกอบกับตัวตลาดเองก็มีการปรับปรุงบรรยากาศให้มีความสวยงามน่าเดินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ นภาพร ก็บอกว่าตลาดโก้งโค้งยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้ต้องปรับปรุงไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ ร้านค้า หรือสินค้า ซึ่งทุกอย่างต้องค่อยๆ ทำไปนับจากนี้